โฮเชยากษัตริย์องค์สุดท้ายของอิสราเอล
(2พกษ.18:9-12)
1โฮเชยาบุตรเอลาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรียตรงกับปีที่สิบสองของรัชกาลกษัตริย์อาหัสแห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่เก้าปี
2พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ไม่มากเท่ากษัตริย์อิสราเอลองค์ก่อนๆ
3กษัตริย์ชัลมาเนเสอร์แห่งอัสซีเรียมาโจมตีโฮเชยาซึ่งเคยสวามิภักดิ์และถวายบรรณาการ
4แต่กษัตริย์อัสซีเรียพบว่าโฮเชยาคิดกบฏ งดส่งเครื่องบรรณาการประจำปี และส่งทูตไปเข้าเฝ้ากษัตริย์โส17:4 อาจจะเป็นชื่อย่อของโอโสร์กอนแห่งอียิปต์ พระองค์จึงทรงให้จับโฮเชยาล่ามโซ่ตรวนและจำไว้ในคุก
5กษัตริย์อัสซีเรียทรงยกทัพมาตีทั่วแผ่นดินอิสราเอลและล้อมเมืองสะมาเรียอยู่สามปี
6ในปีที่เก้าแห่งรัชกาลโฮเชยา กษัตริย์อัสซีเรียก็เข้ายึดเมืองสะมาเรียและกวาดต้อนชนอิสราเอลไปเป็นเชลยที่อัสซีเรีย ทรงให้ตั้งหลักแหล่งในเมืองฮาลาห์ในโกซานบริเวณริมฝั่งแม่น้ำฮาโบร์ และตามเมืองต่างๆ ของมีเดีย
อิสราเอลตกเป็นเชลยเพราะบาป
7ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะอิสราเอลทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ผู้ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ พวกเขาหันไปนมัสการพระอื่นๆ
8ดำเนินตามแบบอย่างของบรรดาชนชาติซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าพวกเขา และตามแบบอย่างที่กษัตริย์อิสราเอลชักนำ
9ชนอิสราเอลยังได้ลอบทำบาปหลายอย่างต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และสร้างสถานบูชาบนที่สูงไว้ทั่วแผ่นดิน จากหอคอยจดป้อมปราการ
10พวกเขาได้ตั้งหินศักดิ์สิทธิ์และเสาเจ้าแม่อาเชราห์บนเนินเขาสูงทุกยอดและโคนต้นไม้ใหญ่ทุกต้น
11พวกเขาเผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนที่สูงทุกแห่ง เหมือนอย่างชนชาติต่างๆ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ขับไล่ออกไปจากดินแดนเมื่ออิสราเอลเข้ามา อิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายยั่วยุพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า
12เขานมัสการรูปเคารพต่างๆ ทั้งๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสห้ามว่า “เจ้าอย่าทำสิ่งนี้”17:12 อพย.20:4,5
13องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ผู้เผยพระวจนะและผู้ทำนายมาเตือนทั้งอิสราเอลและยูดาห์ว่า “จงหันจากวิถีชั่วร้ายของเจ้า จงปฏิบัติตามคำบัญชาและกฎหมายของเรา ตามบทบัญญัติทั้งสิ้นที่เราได้บัญชาให้บรรพบุรุษของเจ้าเชื่อฟัง และที่เราได้แจ้งแก่เจ้าผ่านทางผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรา”
14แต่อิสราเอลไม่ยอมฟัง เขามีใจดื้อดึงเช่นเดียวกับบรรพบุรุษผู้ที่ไม่ได้วางใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา
15พวกเขาทิ้งกฎหมายและพันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงให้ไว้แก่บรรพบุรุษ ไม่ยอมฟังคำเตือนของพระองค์ หันไปติดตามรูปเคารพอันไร้ค่า ตนเองจึงเป็นคนไร้ค่า พวกเขาทำตามอย่างชนชาติต่างๆ ที่อยู่แวดล้อม ทั้งๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสห้ามว่า “จงอย่าทำตามพวกเขา” แต่เขากลับทำในสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามไว้
16เขาลบหลู่พระดำรัสสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา สร้างรูปเคารพเป็นลูกวัวสองตัว และเสาเจ้าแม่อาเชราห์ เขานมัสการพระบาอัล กราบไหว้ดวงดาวต่างๆ ในฟากฟ้า
17เขาถึงกับเอาลูกชายลูกสาวของตนเผาบูชายัญ17:17 หรือพวกเขาให้ลูกชายลูกสาวลุยไฟ เขาใช้ไสยศาสตร์และเวทมนตร์คาถา ปล่อยตัวทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและยั่วยุพระพิโรธของพระองค์
18ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอิสราเอลยิ่งนักและขับไล่เขาออกไปให้พ้นพระพักตร์ เหลืออยู่แต่เพียงเผ่ายูดาห์
19แม้แต่ยูดาห์เองก็ไม่ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา แต่ทำตามอิสราเอล
20ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงละทิ้งชนชาติอิสราเอลทั้งหมด พระองค์ทรงลงโทษเขาและมอบเขาไว้ในมือของผู้ปล้นชิง ตราบจนทรงขจัดเขาออกไปให้พ้นพระพักตร์
21เมื่อพระเจ้าทรงฉีกอิสราเอลออกไปจากวงศ์วานของดาวิด พวกเขาเลือกเยโรโบอัมบุตรเนบัทเป็นกษัตริย์ เยโรโบอัมชักนำอิสราเอลออกจากการติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้า ไปทำบาปอันใหญ่หลวง
22ชาวอิสราเอลจมอยู่ในบาปของเยโรโบอัมไม่ยอมเลิกรา
23จนกระทั่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขจัดเขาออกไปให้พ้นพระพักตร์ตามที่พระองค์ได้ทรงเตือนไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ ฉะนั้นอิสราเอลจึงถูกกวาดต้อนจากบ้านเกิดเมืองนอนไปเป็นเชลยอยู่ในอัสซีเรียตราบจนทุกวันนี้
คนต่างชาติมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในสะมาเรีย
24กษัตริย์อัสซีเรียทรงนำคนจากบาบิโลน คูธาห์ อัฟวา ฮามัท และเสฟารวาอิมเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองต่างๆ ของสะมาเรียแทนที่ชาวอิสราเอล พวกเขามายึดครองสะมาเรียและอาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ
25เมื่อพวกเขามาถึงเป็นครั้งแรก เขาไม่ได้นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จึงทรงส่งสิงโตมาอยู่ท่ามกลางพวกเขาและฆ่าบางคนไป
26กษัตริย์อัสซีเรียทรงได้รับรายงานว่า “ประชาชนที่พระองค์ให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองสะมาเรียไม่ทราบบทบัญญัติของพระแห่งดินแดนนี้ พระองค์จึงทรงส่งสิงโตเข้ามาฆ่าเสียหลายคนเพราะไม่รู้สิ่งที่ควรปฏิบัติ”
27กษัตริย์อัสซีเรียจึงมีพระบัญชาว่า “ให้ส่งปุโรหิตคนหนึ่งที่ถูกกวาดต้อนมาจากสะมาเรียกลับไปอยู่ที่นั่น เพื่อสอนประชาชนให้ทราบสิ่งที่พระแห่งดินแดนนั้นประสงค์”
28ดังนั้นปุโรหิตคนหนึ่งซึ่งเป็นเชลยมาจากสะมาเรียจึงมาอยู่ที่เบธเอลและสอนประชาชนให้นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า
29แต่ชนชาติเหล่านี้ได้สร้างพระของตนในเมืองต่างๆ ที่มาตั้งถิ่นฐานด้วย และตั้งพระไว้ตามสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายซึ่งชาวสะมาเรียได้สร้างไว้
30คนที่มาจากบาบิโลนก็สร้างพระสุคคทเบโนท คนจากคูธาห์สร้างพระเนอร์กัล ส่วนคนจากฮามัทสร้างพระอาชิมา
31ชาวอัฟวิมสร้างพระนิบหัสและพระทารทัก และชาวเสฟารวาอิมเผาลูกของตนสังเวยแด่พระอัดรัมเมเลคและพระอานัมเมเลค ซึ่งเป็นพระของเมืองเสฟารวาอิม
32พวกเขานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ตั้งคนของพวกเขาเองจากทุกประเภทให้เป็นปุโรหิตประจำสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย
33พวกเขานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ก็นมัสการเทพเจ้าของตนที่นำมาด้วยตามประเพณีดั้งเดิม
34พวกเขายังคงยึดถือขนบธรรมเนียมเดิมจวบจนทุกวันนี้ พวกเขาไม่ได้นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริงหรือยึดมั่นในกฎหมายและกฎเกณฑ์ บทบัญญัติและพระบัญชาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ไว้แก่วงศ์วานของยาโคบซึ่งพระองค์ประทานนามว่าอิสราเอล
35เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำพันธสัญญากับชนอิสราเอล พระองค์ทรงบัญชาไว้ว่า “อย่านมัสการพระอื่นใด อย่ากราบไหว้ปรนนิบัติหรือถวายเครื่องบูชาแก่พระเหล่านั้น
36แต่เจ้าจงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงผู้เดียว ผู้นำเจ้าทั้งหลายออกจากอียิปต์ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และด้วยพระกรที่เหยียดออก เจ้าจะกราบลงและถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์
37เจ้าทั้งหลายจะต้องใส่ใจปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ บทบัญญัติ และพระบัญชาที่พระองค์เขียนไว้ให้เจ้า อย่าไปนมัสการพระอื่นๆ
38อย่าลืมพันธสัญญาที่เราทำกับเจ้า อย่านมัสการพระอื่นใด
39แต่จงนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ซึ่งจะกอบกู้เจ้าให้พ้นจากมือของศัตรูทั้งปวง”
Thai New Contemporary Version ™️
Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.
Used with permission. All rights reserved worldwide.
“Biblica”, “International Bible Society” and the Biblica Logo are trademarks registered in the United States Patent and Trademark Office by Biblica, Inc. Used with permission.