逐节对照
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - ข้าพเจ้าทำให้เขาทรุดตัวลงจนลุกไม่ขึ้น เขาล้มลงอยู่ใต้เท้าของข้าพเจ้า
- 新标点和合本 - 我要打伤他们,使他们不能起来; 他们必倒在我的脚下。
- 和合本2010(上帝版-简体) - 我要打伤他们,使他们站不起来; 他们必倒在我的脚下。
- 和合本2010(神版-简体) - 我要打伤他们,使他们站不起来; 他们必倒在我的脚下。
- 当代译本 - 我打垮他们, 使他们倒在我的脚下, 再也站不起来。
- 圣经新译本 - 我重创他们,使他们不能起来; 他们都倒在我的脚下。
- 中文标准译本 - 我击碎他们,使他们不能起来; 他们都仆倒在我的脚下。
- 现代标点和合本 - 我要打伤他们,使他们不能起来, 他们必倒在我的脚下。
- 和合本(拼音版) - 我要打伤他们,使他们不能起来, 他们必倒在我的脚下。
- New International Version - I crushed them so that they could not rise; they fell beneath my feet.
- New International Reader's Version - I crushed them so that they couldn’t get up. They fell under my feet.
- English Standard Version - I thrust them through, so that they were not able to rise; they fell under my feet.
- New Living Translation - I struck them down so they could not get up; they fell beneath my feet.
- Christian Standard Bible - I crush them, and they cannot get up; they fall beneath my feet.
- New American Standard Bible - I shattered them, so that they were not able to rise; They fell under my feet.
- New King James Version - I have wounded them, So that they could not rise; They have fallen under my feet.
- Amplified Bible - I shattered them so that they were not able to rise; They fell [wounded] under my feet.
- American Standard Version - I will smite them through, so that they shall not be able to rise: They shall fall under my feet.
- King James Version - I have wounded them that they were not able to rise: they are fallen under my feet.
- New English Translation - I beat them to death; they fall at my feet.
- World English Bible - I will strike them through, so that they will not be able to rise. They shall fall under my feet.
- 新標點和合本 - 我要打傷他們,使他們不能起來; 他們必倒在我的腳下。
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 我要打傷他們,使他們站不起來; 他們必倒在我的腳下。
- 和合本2010(神版-繁體) - 我要打傷他們,使他們站不起來; 他們必倒在我的腳下。
- 當代譯本 - 我打垮他們, 使他們倒在我的腳下, 再也站不起來。
- 聖經新譯本 - 我重創他們,使他們不能起來; 他們都倒在我的腳下。
- 呂振中譯本 - 我痛擊了他們,使他們不能起來; 他們都仆倒在我腳下。
- 中文標準譯本 - 我擊碎他們,使他們不能起來; 他們都仆倒在我的腳下。
- 現代標點和合本 - 我要打傷他們,使他們不能起來, 他們必倒在我的腳下。
- 文理和合譯本 - 我擊傷之、使之不振、仆我足下兮、
- 文理委辦譯本 - 我攻擊之、使仆足下、一蹶不振兮、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 我擊傷敵人、使其不能興起、悉傾跌於我之足下、
- 吳經熊文理聖詠與新經全集 - 追逐敵蹤兮彼其潰。不予殄滅兮誓不歸。
- Nueva Versión Internacional - Los aplasté. Ya no pudieron levantarse. ¡Cayeron debajo de mis pies!
- 현대인의 성경 - 내가 그들을 쳐서 쓰러뜨리므로 그들이 다시 일어나지 못하고 내 발 아래 엎드러졌습니다.
- La Bible du Semeur 2015 - Je poursuis tous mes ennemis, ╵je les rattrape et je ne reviens pas ╵sans les avoir exterminés.
- リビングバイブル - そして、彼らを地面に突き刺しました。 敵は力を失い、私はその首を踏みつけたのです。
- Nova Versão Internacional - Massacrei-os, e não puderam levantar-se; jazem debaixo dos meus pés.
- Hoffnung für alle - Ich jagte meinen Feinden nach und holte sie ein; ich kehrte erst um, als auch der Letzte von ihnen gefallen war.
- Kinh Thánh Hiện Đại - Con đánh chúng đến khi ngưng đứng dậy; chúng ngã dài bên dưới chân con.
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - ข้าพระองค์บดขยี้จนพวกเขาไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก พวกเขาสยบอยู่ใต้เท้าของข้าพระองค์
交叉引用
- 2 ซามูเอล 5:1 - ต่อจากนั้น ทุกเผ่าของอิสราเอลก็มาหาดาวิดที่เฮโบรน และพูดว่า “ดูเถิด พวกเราเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน
- 2 ซามูเอล 5:2 - ที่ผ่านมา เมื่อซาอูลเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเรา ดาวิดเป็นผู้ที่นำทัพอิสราเอลออกไปและนำกลับเข้ามา และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านว่า ‘เจ้าจะเป็นผู้เลี้ยงดูอิสราเอลชนชาติของเรา และเจ้าจะเป็นผู้นำของอิสราเอล’”
- 2 ซามูเอล 5:3 - เมื่อบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลมาหากษัตริย์ที่เฮโบรน กษัตริย์ดาวิดทำพันธสัญญากับเขาเหล่านั้นที่เฮโบรน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และเขาทั้งปวงเจิมดาวิดให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล
- 2 ซามูเอล 5:4 - ดาวิดมีอายุ 30 ปีเมื่อเริ่มครองราชย์ และครองราชย์เป็นเวลา 40 ปี
- 2 ซามูเอล 5:5 - ที่เฮโบรนท่านปกครองยูดาห์ 7 ปี 6 เดือน และที่เยรูซาเล็มท่านปกครองทั่วอิสราเอลและยูดาห์ 33 ปี
- 2 ซามูเอล 5:6 - กษัตริย์กับคนของท่านไปยังเยรูซาเล็ม เพื่อโจมตีชาวเยบุสซึ่งเป็นผู้อยู่อาศัยของเขตแดนนั้น ส่วนชาวเยบุสคิดว่า “ดาวิดเข้ามาในนี้ไม่ได้” จึงพูดกับดาวิดว่า “ท่านเข้ามาที่นี่ไม่ได้ แม้คนตาบอดและคนง่อยเปลี้ยก็จะกันท่านไว้ได้”
- 2 ซามูเอล 5:7 - อย่างไรก็ตาม ดาวิดยึดป้อมปราการอันแข็งแกร่งของศิโยนได้ซึ่งเรียกว่า เมืองของดาวิด
- 2 ซามูเอล 5:8 - และดาวิดพูดในวันนั้นว่า “ใครก็ตามที่จะโจมตีชาวเยบุส ก็ให้เขาขึ้นไปทางร่องน้ำในถ้ำ เพื่อโจมตี ‘คนตาบอดและคนง่อยเปลี้ย’ ซึ่งเป็นคำที่ดาวิดเกลียดชัง” ฉะนั้นจึงเป็นที่กล่าวกันว่า “คนตาบอดและคนง่อยเปลี้ยจะเข้ามาในพระตำหนักไม่ได้”
- 2 ซามูเอล 5:9 - และดาวิดอาศัยอยู่ในป้อมปราการอันแข็งแกร่ง และตั้งชื่อว่า เมืองของดาวิด ท่านสร้างเมืองไว้โดยรอบ เริ่มจากมิลโล เข้าไปจนถึงเมืองชั้นใน
- 2 ซามูเอล 5:10 - และดาวิดเข้มแข็งยิ่งๆ ขึ้น เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธาสถิตกับท่าน
- 2 ซามูเอล 5:11 - ฮีรามกษัตริย์แห่งไทระได้ให้บรรดาผู้ส่งข่าวไปหาดาวิด พร้อมกับได้ส่งไม้ซีดาร์ พวกช่างไม้และช่างสลักหินเพื่อจะสร้างวังให้ดาวิด
- 2 ซามูเอล 5:12 - และดาวิดทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าได้สถาปนาท่านเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล และพระองค์ทำให้อาณาจักรรุ่งเรืองเพื่ออิสราเอลชนชาติของพระองค์
- 2 ซามูเอล 5:13 - หลังจากที่ดาวิดกลับจากเฮโบรน ดาวิดมีภรรยาน้อยและภรรยาเพิ่มขึ้นอีกที่เยรูซาเล็ม และมีบุตรชายบุตรหญิงเพิ่มขึ้นเช่นกัน
- 2 ซามูเอล 5:14 - บรรดาบุตรที่เกิดแก่ดาวิดในเยรูซาเล็มชื่อ ชัมมูอา โชบับ นาธาน ซาโลมอน
- 2 ซามูเอล 5:15 - อิบฮาร์ เอลีชูอา เนเฟก ยาเฟีย
- 2 ซามูเอล 5:16 - เอลีชามา เอลียาดา และเอลีเฟเลท
- 2 ซามูเอล 5:17 - เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ยินว่าดาวิดได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ชาวฟีลิสเตียทั้งปวงก็ขึ้นไปค้นหาดาวิด แต่ดาวิดทราบเรื่องจึงลงไปยังที่หลบภัย
- 2 ซามูเอล 5:18 - ชาวฟีลิสเตียก็มาขยายแนวออกไปทั่วหุบเขาเรฟาอิม
- 2 ซามูเอล 5:19 - ดาวิดถามพระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพเจ้าควรจะขึ้นไปสู้รบกับชาวฟีลิสเตียหรือไม่ พระองค์จะมอบพวกเขาไว้ในมือข้าพเจ้าหรือ” พระผู้เป็นเจ้าตอบดาวิดว่า “ขึ้นไปเถิด เพราะเราจะมอบชาวฟีลิสเตียไว้ในมือของเจ้าอย่างแน่นอน”
- 2 ซามูเอล 5:20 - ดาวิดมาถึงบาอัลเป-ราซิม และฆ่าพวกเขาที่นั่น ดาวิดพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าได้บุกเข้าใส่ศัตรูโดยไม่ได้รั้งรอต่อหน้าต่อตาเราดั่งน้ำเชี่ยวกราก” ดังนั้นเขาจึงเรียกชื่อสถานที่นั้นว่า บาอัลเป-ราซิม
- 2 ซามูเอล 5:21 - ชาวฟีลิสเตียต่างทิ้งรูปเคารพไว้ที่นั่น ดาวิดและพรรคพวกของท่านจึงขนเอาไป
- 2 ซามูเอล 5:22 - และชาวฟีลิสเตียยังขึ้นมาอีก และขยายแนวออกไปทั่วหุบเขาเรฟาอิม
- 2 ซามูเอล 5:23 - เมื่อดาวิดถามพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ตอบว่า “เจ้าอย่าขึ้นไป แต่จงอ้อมไปทางด้านหลังพวกเขา และโจมตีพวกเขาได้จากด้านที่อยู่ตรงข้ามกับดงต้นน้ำมันหอม
- 2 ซามูเอล 5:24 - เมื่อเจ้าได้ยินเสียงเดินทัพดังกระหึ่มที่ยอดต้นน้ำมันหอม เจ้าก็จงพร้อมที่จะบุกทันที เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ออกไปล่วงหน้าเจ้าแล้ว เพื่อปราบกองทัพของชาวฟีลิสเตีย”
- 2 ซามูเอล 5:25 - ดังนั้นดาวิดจึงกระทำตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า และขับไล่ชาวฟีลิสเตียตั้งแต่เก-บาจนถึงเกเซอร์
- 2 ซามูเอล 18:7 - และทหารรับใช้ของดาวิดต่อสู้จนชาวอิสราเอลพ่ายแพ้ที่นั่น เกิดความเสียหายมากในวันนั้น ทหารตาย 20,000 คน
- 2 ซามูเอล 18:8 - สงครามครั้งนั้นแพร่ไปทั่วอาณาเขต และในวันนั้นทหารเสียชีวิตเนื่องจากเหตุในป่ามากกว่าเหตุเพราะดาบ
- 2 ซามูเอล 21:15 - เกิดสงครามขึ้นอีกระหว่างชาวฟีลิสเตียและอิสราเอล ดาวิดจึงลงไปกับทหารรับใช้ของท่าน และสู้รบกับชาวฟีลิสเตีย ดาวิดรู้สึกอ่อนกำลัง
- 2 ซามูเอล 21:16 - อิชบีเบโนบเป็นหนึ่งในบรรดาผู้สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์ยักษ์ มีหอกทองสัมฤทธิ์หนัก 300 เชเขล และพกดาบใหม่เล่มหนึ่ง คิดจะสังหารดาวิด
- 2 ซามูเอล 21:17 - แต่อาบีชัยบุตรของนางเศรุยาห์มาช่วยท่าน และต่อสู้กับชาวฟีลิสเตีย และฆ่ามนุษย์ยักษ์เสีย และพรรคพวกของดาวิดสาบานต่อท่านว่า “ท่านอย่าออกรบพร้อมกับพวกเราในสงครามอีกต่อไปเลย เกรงว่าราชวงศ์ของอิสราเอลจะดับสูญ”
- 2 ซามูเอล 21:18 - หลังจากนั้น มีการสู้รบกับชาวฟีลิสเตียอีกที่หมู่บ้านโกบ สิบเบคัยชาวหุชาห์ฆ่าสัฟผู้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์ยักษ์
- 2 ซามูเอล 21:19 - และมีการสู้รบกับชาวฟีลิสเตียที่หมู่บ้านโกบอีก เอลฮานันบุตรของยาอาเรโอเรกิมชาวเบธเลเฮมฆ่าโกลิอัทชาวกัท ผู้ถือด้ามหอกที่ใหญ่เหมือนไม้กระพั่นของคนทอผ้า
- 2 ซามูเอล 21:20 - มีการสู้รบอีกที่เมืองกัท อันเป็นเมืองที่มีชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ แต่ละมือมี 6 นิ้ว แต่ละเท้ามี 6 นิ้ว รวมได้ 24 นิ้ว เขาสืบเชื้อสายมาจากพวกมนุษย์ยักษ์เช่นกัน
- 2 ซามูเอล 21:21 - เมื่อเขาท้าทายอิสราเอล โยนาธานบุตรของชิเมอาห์พี่ชายของดาวิด ก็ฆ่าเขาเสีย
- 2 ซามูเอล 21:22 - ทหารชาวฟีลิสเตียทั้งสี่นี้สืบเชื้อสายมาจากพวกมนุษย์ยักษ์ในเมืองกัท พวกเขาล้มตายด้วยมือของดาวิดและด้วยมือของพวกทหารรับใช้ของท่าน
- 2 ซามูเอล 10:1 - หลังจากนั้น กษัตริย์ของชาวอัมโมนก็สิ้นชีวิต และฮานูนบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
- 2 ซามูเอล 10:2 - ดาวิดกล่าวว่า “เราจะกระทำต่อฮานูนบุตรของนาหาชด้วยความเมตตา เช่นเดียวกับที่บิดาของท่านได้กระทำต่อเรา” ดังนั้น ดาวิดจึงให้บรรดาผู้รับใช้ของท่านไปแสดงความเสียใจต่อฮานูนเรื่องบิดา และผู้รับใช้ของดาวิดจึงมายังดินแดนของชาวอัมโมน
- 2 ซามูเอล 10:3 - แต่บรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของชาวอัมโมนพูดกับฮานูนเจ้านายของตนว่า “ท่านคิดหรือว่า ที่ดาวิดให้คนมาแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อท่านนั้น เป็นการให้เกียรติบิดาของท่าน พวกผู้รับใช้ของดาวิดมาเพื่อสำรวจดูเมืองและสอดแนม เพื่อจะล้มล้างเมืองมิใช่หรือ”
- 2 ซามูเอล 10:4 - ดังนั้นฮานูนจึงให้คนโกนเคราพวกทหารรับใช้ของดาวิดแต่ละคนออกเพียงครึ่งหนึ่ง และตัดเครื่องแต่งกายที่ตรงกลางจากสะโพกลงมา และส่งพวกเขากลับไป
- 2 ซามูเอล 10:5 - เมื่อมีคนรายงานเรื่องแก่ดาวิด ท่านก็ให้คนไปพบกับพวกเขา เพราะชายเหล่านั้นอับอายมาก กษัตริย์กล่าวว่า “จงพักอยู่ที่เยรีโค จนกว่าเคราของพวกเจ้าจะขึ้นแล้วจึงกลับมา”
- 2 ซามูเอล 10:6 - เมื่อชาวอัมโมนเห็นว่าพวกเขาได้กลับกลายเป็นที่น่ารังเกียจของดาวิด ชาวอัมโมนจึงไปว่าจ้างชาวอารัมจากเมืองเบธเรโหบ และชาวอารัมจากเมืองโศบาห์ เป็นทหารราบ 20,000 คน และกษัตริย์แห่งมาอาคาห์กับผู้ชาย 1,000 คน และผู้ชายจากเมืองโทบ 12,000 คน
- 2 ซามูเอล 10:7 - เมื่อดาวิดทราบเช่นนั้น ท่านจึงบัญชาให้โยอาบและทหารกล้าจากกองทัพทั้งหมดยกทัพไป
- 2 ซามูเอล 10:8 - ฝ่ายชาวอัมโมนก็เดินทัพออกมาประจำตำแหน่งรบของตนที่ทางเข้าประตูเมือง ส่วนชาวอารัมจากโศบาห์และเรโหบ และคนของโทบและมาอาคาห์ก็แยกไปตั้งทัพอยู่ในที่โล่งห่างจากตัวเมือง
- 2 ซามูเอล 10:9 - เมื่อโยอาบเห็นว่าสงครามครั้งนี้เขาถูกขนาบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เขาจึงเลือกนักรบที่ดีที่สุดของอิสราเอลจำนวนหนึ่ง และจัดทัพให้ต่อสู้กับชาวอารัม
- 2 ซามูเอล 10:10 - นักรบที่เหลือก็จัดให้อยู่ในบังคับของอาบีชัยน้องชายของตน เขาก็ให้ทหารตั้งทัพสู้กับชาวอัมโมน
- 2 ซามูเอล 10:11 - เขาพูดว่า “ถ้าหากว่าชาวอารัมมีกำลังแข็งแกร่งเกินเรา ท่านจะได้ช่วยเราได้ แต่ถ้าชาวอัมโมนแข็งแกร่งเกินท่าน เราก็จะมาช่วยท่าน
- 2 ซามูเอล 10:12 - จงกล้าหาญเถิด และพวกเราควรจะกล้าหาญเพื่อคนของพวกเราและเพื่อเมืองทั้งหลายของพระเจ้าของเรา และขอพระผู้เป็นเจ้ากระทำสิ่งที่พระองค์เห็นสมควร”
- 2 ซามูเอล 10:13 - ดังนั้นโยอาบและคนที่อยู่กับเขาขยับเข้าใกล้ประจัญศึกกับชาวอารัม และชาวอารัมก็ถอยหนีไปต่อหน้าต่อตาเขา
- 2 ซามูเอล 10:14 - ครั้นชาวอัมโมนเห็นว่าชาวอารัมหนีไป พวกเขาจึงถอยหนีไปต่อหน้าอาบีชัยเช่นกัน และเข้าไปในเมือง แล้วโยอาบก็กลับจากการสู้รบกับชาวอัมโมน และมายังเยรูซาเล็ม
- 2 ซามูเอล 10:15 - เมื่อชาวอารัมเห็นว่าพวกตนพ่ายแพ้อิสราเอลแล้ว จึงได้รวบรวมคนเข้าด้วยกัน
- 2 ซามูเอล 10:16 - ฮาดัดเอเซอร์ให้ชาวอารัมที่อยู่โพ้นแม่น้ำยูเฟรติสออกมา พวกเขามาถึงเมืองเฮลาม โดยมีโชบัคผู้บังคับกองพันทหารของฮาดัดเอเซอร์เป็นผู้นำ
- 2 ซามูเอล 10:17 - เมื่อมีคนรายงานเรื่องแก่ดาวิด ท่านก็รวบรวมอิสราเอลเข้าด้วยกัน และข้ามแม่น้ำจอร์แดน มาจนถึงเฮลาม ชาวอารัมตั้งทัพของตนปะทะกับดาวิด และพวกเขาก็สู้รบกับท่าน
- 2 ซามูเอล 10:18 - และชาวอารัมก็ถอยหนีไปต่อหน้าอิสราเอล ดาวิดฆ่าสารถีชาวอารัม 700 คน และทหารราบ 40,000 คน และโชบัคผู้บังคับกองพันทหารบาดเจ็บสาหัสและสิ้นชีวิตที่นั่น
- 2 ซามูเอล 10:19 - เมื่อบรรดากษัตริย์ทั้งปวงที่ขึ้นกับฮาดัดเอเซอร์เห็นว่าตนพ่ายแพ้อิสราเอลแล้ว พวกเขาจึงยอมสงบศึกกับอิสราเอล และขึ้นกับพวกเขา ดังนั้นชาวอารัมจึงไม่กล้าช่วยเหลือชาวอัมโมนอีกต่อไป
- 2 ซามูเอล 22:39 - ข้าพเจ้าทำให้เขาพินาศไป ข้าพเจ้าทำให้เขาทรุดตัวลงจนลุกไม่ขึ้น เขาล้มลงอยู่ใต้เท้าของข้าพเจ้า
- 2 ซามูเอล 8:1 - หลังจากนั้น ดาวิดสู้รบชนะชาวฟีลิสเตีย และปราบพวกเขาไว้ได้ และดาวิดยึดเมืองเมเธกฮัมมาห์ได้จากมือชาวฟีลิสเตีย
- 2 ซามูเอล 8:2 - ท่านสู้รบชนะชาวโมอับ ท่านสั่งให้พวกเขานอนราบลงกับพื้นเป็นสามแถว ฆ่าเสียสองแถว และไว้ชีวิตเต็มหนึ่งแถว ชาวโมอับจึงมาเป็นข้ารับใช้ดาวิดและนำเครื่องบรรณาการมาถวาย
- 2 ซามูเอล 8:3 - ดาวิดสู้รบชนะฮาดัดเอเซอร์บุตรของเรโหบกษัตริย์แห่งโศบาห์ เมื่อคราวไปฟื้นอำนาจของท่านที่แม่น้ำยูเฟรติส
- 2 ซามูเอล 8:4 - และดาวิดยึดสารถี 1,700 คน และทหารราบ 20,000 คน และดาวิดทำให้ม้าประจำรถศึกของพวกเขาพิการหมด เพียงแต่เหลือไว้สำหรับรถศึก 100 คัน
- 2 ซามูเอล 8:5 - เมื่อชาวอารัม แห่งอาณาเขตดามัสกัสมาช่วยฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์แห่งโศบาห์ ดาวิดฆ่าชายชาวอารัมจำนวน 22,000 คน
- 2 ซามูเอล 8:6 - แล้วดาวิดตั้งด่านทหารชั้นนอกที่อาณาจักรอารัมแห่งอาณาเขตดามัสกัสไว้หลายด่าน และชาวอารัมมาเป็นข้ารับใช้ดาวิด และนำเครื่องบรรณาการมาถวาย และไม่ว่าดาวิดไปรบที่ใด พระผู้เป็นเจ้าก็ให้ท่านมีชัยชนะเสมอ
- 2 ซามูเอล 8:7 - ดาวิดยึดโล่ทองคำที่บรรดาผู้รับใช้ของฮาดัดเอเซอร์ถือ และนำไปที่เมืองเยรูซาเล็ม
- 2 ซามูเอล 8:8 - กษัตริย์ดาวิดเอาทองสัมฤทธิ์เป็นอันมากไปจากเมืองเบทาห์และเมืองเบโรธัย เมืองของฮาดัดเอเซอร์
- 2 ซามูเอล 8:9 - เมื่อโทอิกษัตริย์แห่งฮามัททราบว่า ดาวิดรบชนะกองทัพของฮาดัดเอเซอร์ทั้งกองทัพ
- 2 ซามูเอล 8:10 - โทอิจึงให้โยรัมบุตรของตนไปหากษัตริย์ดาวิด เพื่อถามถึงพลานามัย และเพื่ออวยพรท่าน เพราะท่านได้สู้รบกับฮาดัดเอเซอร์ และได้ชัยชนะ เนื่องจากฮาดัดเอเซอร์เคยทำสงครามกับโทอิเสมอมา และโยรัมก็ได้นำเครื่องเงิน เครื่องทองคำและทองสัมฤทธิ์ไปด้วย
- 2 ซามูเอล 8:11 - กษัตริย์ดาวิดถวายสิ่งเหล่านี้แด่พระผู้เป็นเจ้าด้วย พร้อมทั้งเงินและทองคำที่ท่านได้มาจากประชาชาติทั้งปวงที่ท่านไปปราบ และนำมาถวาย
- 2 ซามูเอล 8:12 - จากเอโดม โมอับ ชาวอัมโมน ชาวฟีลิสเตีย อามาเลข และสิ่งที่ริบมาจากฮาดัดเอเซอร์บุตรของเรโหบกษัตริย์แห่งโศบาห์
- 2 ซามูเอล 8:13 - ชื่อเสียงของดาวิดเลื่องลือหลังจากที่ท่านได้ฆ่าชาวเอโดมจำนวน 18,000 คนที่หุบเขาเกลือ
- 2 ซามูเอล 8:14 - และท่านก็ได้สร้างด่านทหารชั้นนอกหลายด่านในเอโดม และชาวเอโดมทั้งหมดมาเป็นข้ารับใช้ของดาวิด และพระผู้เป็นเจ้าให้ดาวิดมีชัยชนะไม่ว่าท่านจะไปรบที่ใด
- 2 ซามูเอล 8:15 - ดาวิดครองราชย์ทั่วทั้งอิสราเอล และท่านปกครองประชาชนของท่านด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม
- 2 ซามูเอล 8:16 - โยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ควบคุมกองทัพ เยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นผู้บันทึกสาสน์
- 2 ซามูเอล 8:17 - ศาโดกบุตรอาหิทูบ และอาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต เสไรยาห์เป็นเลขา
- 2 ซามูเอล 8:18 - และเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาควบคุมชาวเคเรธและชาวเปเลท และบรรดาบุตรของดาวิดเป็นปุโรหิต
- สดุดี 36:12 - คนชั่วนอนล้มลงอยู่ที่นั่น เขาถูกผลักล้มจนลุกไม่ขึ้น
- 1 ซามูเอล 30:17 - และดาวิดก็ฆ่าฟันคนเหล่านั้นตั้งแต่พลบค่ำจนถึงเวลาเย็นของวันรุ่งขึ้น ไม่มีผู้ใดรอดไปได้สักคนเดียว ยกเว้นชายหนุ่ม 400 คนที่ขี่อูฐหนีไปได้
- สดุดี 47:3 - พระองค์ทำให้บรรดาชนชาติยอมสยบต่อพวกเรา และบรรดาประชาชาติอยู่ภายใต้เท้าเรา
- 1 ซามูเอล 23:5 - ดาวิดกับพรรคพวกจึงไปที่เคอีลาห์ต่อสู้กับพวกฟีลิสเตีย และฆ่าคนเป็นจำนวนมาก นำฝูงปศุสัตว์กลับมา ดังนั้นดาวิดช่วยชาวเมืองเคอีลาห์ไว้ได้
- 1 ซามูเอล 17:49 - ดาวิดหยิบก้อนหินที่อยู่ในถุงออกมาก้อนหนึ่ง และเหวี่ยงถูกหน้าผากของชาวฟีลิสเตีย หินก้อนนั้นฝังเข้าไปในหน้าผาก และเขาก็ทรุดตัวลงบนพื้นดิน
- 1 ซามูเอล 17:50 - ดังนั้นดาวิดชนะชาวฟีลิสเตียด้วยสลิงและก้อนหินก้อนเดียว ปราบชาวฟีลิสเตียและฆ่าเขาได้ ดาวิดไม่มีแม้แต่ดาบติดตัว
- 1 ซามูเอล 17:51 - ดาวิดวิ่งไปและก้มดูชาวฟีลิสเตียคนนั้น ควักดาบออกจากฝัก ฆ่าเขาให้ตายและตัดหัวด้วย เมื่อชาวฟีลิสเตียทั้งปวงเห็นว่าผู้ต่อสู้ตัวเอกของพวกเขาตายเสียแล้ว จึงพากันหนีเตลิดไป