逐节对照
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - หญิงชาวสะมาเรียผู้นั้นพูดกับพระองค์ว่า “เป็นไปได้อย่างไรที่ท่านผู้เป็นชาวยิวจะมาขอน้ำดื่มจากข้าพเจ้า ในเมื่อข้าพเจ้าเป็นหญิงชาวสะมาเรีย” (ด้วยเหตุว่าชาวยิวไม่คบหากับชาวสะมาเรีย)
- 新标点和合本 - 撒玛利亚的妇人对他说:“你既是犹太人,怎么向我一个撒玛利亚妇人要水喝呢?”原来犹太人和撒玛利亚人没有来往。
- 和合本2010(上帝版-简体) - 撒玛利亚妇人对他说:“你是犹太人,怎么向我一个撒玛利亚女人要水喝呢?”因为犹太人和撒玛利亚人没有来往。
- 和合本2010(神版-简体) - 撒玛利亚妇人对他说:“你是犹太人,怎么向我一个撒玛利亚女人要水喝呢?”因为犹太人和撒玛利亚人没有来往。
- 当代译本 - 撒玛利亚妇人说:“你是个犹太人,怎么向我这撒玛利亚妇人要水喝?”原来犹太人和撒玛利亚人互不往来。
- 圣经新译本 - 撒玛利亚妇人对耶稣说:“你是犹太人,怎么向我,一个撒玛利亚妇人要水喝呢?”(原来犹太人和撒玛利亚人不相往来。)
- 中文标准译本 - 撒马利亚妇人对他说:“你是犹太人,怎么向我一个撒马利亚妇人要水喝呢?”原来犹太人不和撒马利亚人来往。
- 现代标点和合本 - 撒马利亚的妇人对他说:“你既是犹太人,怎么向我一个撒马利亚妇人要水喝呢?”(原来犹太人和撒马利亚人没有来往。)
- 和合本(拼音版) - 撒玛利亚的妇人对他说:“你既是犹太人,怎么向我一个撒玛利亚妇人要水喝呢?”原来犹太人和撒玛利亚人没有来往。
- New International Version - The Samaritan woman said to him, “You are a Jew and I am a Samaritan woman. How can you ask me for a drink?” (For Jews do not associate with Samaritans. )
- New International Reader's Version - The Samaritan woman said to him, “You are a Jew. I am a Samaritan woman. How can you ask me for a drink?” She said this because Jews don’t have anything to do with Samaritans.
- English Standard Version - The Samaritan woman said to him, “How is it that you, a Jew, ask for a drink from me, a woman of Samaria?” (For Jews have no dealings with Samaritans.)
- New Living Translation - The woman was surprised, for Jews refuse to have anything to do with Samaritans. She said to Jesus, “You are a Jew, and I am a Samaritan woman. Why are you asking me for a drink?”
- The Message - The Samaritan woman, taken aback, asked, “How come you, a Jew, are asking me, a Samaritan woman, for a drink?” (Jews in those days wouldn’t be caught dead talking to Samaritans.)
- Christian Standard Bible - “How is it that you, a Jew, ask for a drink from me, a Samaritan woman?” she asked him. For Jews do not associate with Samaritans.
- New American Standard Bible - So the Samaritan woman *said to Him, “How is it that You, though You are a Jew, are asking me for a drink, though I am a Samaritan woman?” (For Jews do not associate with Samaritans.)
- New King James Version - Then the woman of Samaria said to Him, “How is it that You, being a Jew, ask a drink from me, a Samaritan woman?” For Jews have no dealings with Samaritans.
- Amplified Bible - The Samaritan woman asked Him, “How is it that You, being a Jew, ask me, a Samaritan woman, for a drink?” (For Jews have nothing to do with Samaritans.)
- American Standard Version - The Samaritan woman therefore saith unto him, How is it that thou, being a Jew, askest drink of me, who am a Samaritan woman? (For Jews have no dealings with Samaritans.)
- King James Version - Then saith the woman of Samaria unto him, How is it that thou, being a Jew, askest drink of me, which am a woman of Samaria? for the Jews have no dealings with the Samaritans.
- New English Translation - So the Samaritan woman said to him, “How can you – a Jew – ask me, a Samaritan woman, for water to drink?” (For Jews use nothing in common with Samaritans.)
- World English Bible - The Samaritan woman therefore said to him, “How is it that you, being a Jew, ask for a drink from me, a Samaritan woman?” (For Jews have no dealings with Samaritans.)
- 新標點和合本 - 撒馬利亞的婦人對他說:「你既是猶太人,怎麼向我一個撒馬利亞婦人要水喝呢?」原來猶太人和撒馬利亞人沒有來往。
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 撒瑪利亞婦人對他說:「你是猶太人,怎麼向我一個撒瑪利亞女人要水喝呢?」因為猶太人和撒瑪利亞人沒有來往。
- 和合本2010(神版-繁體) - 撒瑪利亞婦人對他說:「你是猶太人,怎麼向我一個撒瑪利亞女人要水喝呢?」因為猶太人和撒瑪利亞人沒有來往。
- 當代譯本 - 撒瑪利亞婦人說:「你是個猶太人,怎麼向我這撒瑪利亞婦人要水喝?」原來猶太人和撒瑪利亞人互不往來。
- 聖經新譯本 - 撒瑪利亞婦人對耶穌說:“你是猶太人,怎麼向我,一個撒瑪利亞婦人要水喝呢?”(原來猶太人和撒瑪利亞人不相往來。)
- 呂振中譯本 - 撒瑪利亞 的婦人就對耶穌說:『你、是 猶太 人,怎麼向我、一個 撒瑪利亞 婦人、求飲呢?』(原來 猶太 人和 撒瑪利亞 人是沒有攙雜來往的 )。
- 中文標準譯本 - 撒馬利亞婦人對他說:「你是猶太人,怎麼向我一個撒馬利亞婦人要水喝呢?」原來猶太人不和撒馬利亞人來往。
- 現代標點和合本 - 撒馬利亞的婦人對他說:「你既是猶太人,怎麼向我一個撒馬利亞婦人要水喝呢?」(原來猶太人和撒馬利亞人沒有來往。)
- 文理和合譯本 - 婦曰、爾猶太人也、胡為求飲於我撒瑪利亞婦乎、蓋猶太人與撒瑪利亞人不相往來也、
- 文理委辦譯本 - 婦曰、爾猶太人何求飲於我撒馬利亞婦乎、蓋猶太人與撒馬利亞人、不相往來也、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 撒瑪利亞 婦曰、爾 猶太 人、何向我 撒瑪利亞 婦求飲乎、蓋 猶太 人與 撒瑪利亞 人、素不相交、
- 吳經熊文理聖詠與新經全集 - 耶穌應曰:『倘汝知天主之宏恩、與夫向汝求飲者之為誰、則必反以求之、而彼將予汝以活水矣!』
- Nueva Versión Internacional - Pero, como los judíos no usan nada en común con los samaritanos, la mujer le respondió: —¿Cómo se te ocurre pedirme agua, si tú eres judío y yo soy samaritana?
- 현대인의 성경 - 그 여자가 예수님께 “당신은 유대인인데 어떻게 사마리아 여자인 나에게 물을 달라고 하십니까?” 하였다. 이것은 유대인들과 사마리아인들이 서로 교제하지 않았기 때문이었다.
- Новый Русский Перевод - Самарянка удивилась: – Ты иудей, а я самарянка, как это Ты можешь просить у меня напиться? (Дело в том, что иудеи не пользуются общей посудой с самарянами .)
- Восточный перевод - Самарянка удивилась: – Ты иудей, а я самарянка, как это Ты можешь просить у меня напиться? (Дело в том, что иудеи не общаются с самарянами .)
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Самарянка удивилась: – Ты иудей, а я самарянка, как это Ты можешь просить у меня напиться? (Дело в том, что иудеи не общаются с самарянами .)
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - Сомарянка удивилась: – Ты иудей, а я сомарянка, как это Ты можешь просить у меня напиться? (Дело в том, что иудеи не общаются с сомарянами .)
- La Bible du Semeur 2015 - La Samaritaine s’exclama : Comment ? Tu es Juif et tu me demandes à boire, à moi qui suis Samaritaine ? (Les Juifs, en effet, évitaient toutes relations avec les Samaritains .)
- リビングバイブル - 女はびっくりして言いました。「まあ、あなたはユダヤ人ではありませんか。サマリヤ人の私に、どうして水をくれなどと頼むのですか。」当時、ユダヤ人はサマリヤ人を見下し、口をきこうとさえしなかったのです。
- Nestle Aland 28 - λέγει οὖν αὐτῷ ἡ γυνὴ ἡ Σαμαρῖτις· πῶς σὺ Ἰουδαῖος ὢν παρ’ ἐμοῦ πεῖν αἰτεῖς γυναικὸς Σαμαρίτιδος οὔσης; οὐ γὰρ συγχρῶνται Ἰουδαῖοι Σαμαρίταις.
- unfoldingWord® Greek New Testament - λέγει οὖν αὐτῷ ἡ γυνὴ ἡ Σαμαρεῖτις, πῶς σὺ Ἰουδαῖος ὢν, παρ’ ἐμοῦ πεῖν αἰτεῖς γυναικὸς Σαμαρείτιδος οὔσης? οὐ γὰρ συνχρῶνται Ἰουδαῖοι Σαμαρείταις.
- Nova Versão Internacional - A mulher samaritana lhe perguntou: “Como o senhor, sendo judeu, pede a mim, uma samaritana, água para beber?” (Pois os judeus não se dão bem com os samaritanos. )
- Hoffnung für alle - Die Frau war überrascht, denn normalerweise wollten die Juden nichts mit den Samaritern zu tun haben. Sie sagte: »Du bist doch ein Jude! Wieso bittest du mich um Wasser? Schließlich bin ich eine samaritische Frau!«
- Kinh Thánh Hiện Đại - Người phụ nữ ngạc nhiên, vì người Do Thái không bao giờ giao thiệp với người Sa-ma-ri. Chị nói với Chúa Giê-xu: “Ông là người Do Thái, còn tôi là phụ nữ Sa-ma-ri. Sao ông lại xin tôi cho uống nước?”
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - หญิงชาวสะมาเรียทูลว่า “ท่านเป็นยิว ส่วนดิฉันเป็นหญิงชาวสะมาเรีย ท่านมาขอน้ำจากดิฉันได้อย่างไร?” (เพราะชาวยิวไม่คบหากับชาวสะมาเรีย )
交叉引用
- กิจการของอัครทูต 1:8 - แต่เจ้าจะได้รับฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตกับเจ้า และเจ้าจะเป็นบรรดาพยานของเราในเมืองเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และสุดขอบโลก”
- เอสรา 4:1 - เมื่อศัตรูของยูดาห์และเบนยามินทราบว่า บรรดาผู้ที่ถูกเนรเทศซึ่งได้กลับมา กำลังสร้างพระวิหารถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล
- เอสรา 4:2 - พวกเขาจึงไปหาเศรุบบาเบลและบรรดาหัวหน้าตระกูล และบอกว่า “ให้พวกเราสร้างด้วยกันกับท่าน เพราะเรานมัสการพระเจ้าของท่านเหมือนกับท่าน และนับจากสมัยของกษัตริย์เอสาร์ฮัดโดนแห่งอัสซีเรียผู้นำพวกเรามาที่นี่ พวกเราก็ได้มอบเครื่องสักการะแด่พระองค์เสมอมา”
- เอสรา 4:3 - แต่เศรุบบาเบล เยชูอา และหัวหน้าตระกูลทั้งปวงในอิสราเอล ก็ตอบพวกเขาว่า “พวกท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเราในการสร้างพระตำหนักถวายแด่พระเจ้าของเรา แต่พวกเราเท่านั้นที่จะสร้างถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ตามที่ไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซียได้บัญชาพวกเรา”
- เอสรา 4:4 - แล้วประชาชนของแผ่นดินนั้นก็ทำให้ประชาชนของยูดาห์ท้อถอยและกลัวที่จะสร้างพระวิหาร
- เอสรา 4:5 - และยังได้จ้างเจ้าหน้าที่ให้ต่อต้านพวกเขา ซึ่งทำให้อึดอัดใจกับการก่อสร้าง ตลอดทั้งสมัยของไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย จนถึงสมัยการปกครองของกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซีย
- เอสรา 4:6 - ในระยะต้นสมัยการปกครองของอาหสุเอรัส พวกเขาเขียนจดหมายกล่าวหาประชาชนของยูดาห์และเยรูซาเล็ม
- เอสรา 4:7 - ในสมัยของอาร์ทาเซอร์ซีส บิชลาม มิทเรดาท ทาเบเอล และผู้ร่วมงานทั้งปวงของพวกเขามีจดหมายไปถึงกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย จดหมายนั้นเขียนเป็นภาษาอาราเมค และแปลเป็นภาษาอาราเมค
- เอสรา 4:8 - เรฮูมผู้บังคับบัญชา และชิมชัยเลขา เขียนจดหมายถึงกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีส เป็นการต่อต้านเยรูซาเล็มว่า
- เอสรา 4:9 - เรฮูมผู้บังคับบัญชา ชิมชัยเลขา และผู้ร่วมงานทั้งปวงของพวกเขาคือ บรรดาผู้พิพากษา ผู้ว่าราชการ เจ้าหน้าที่ ชาวเปอร์เซีย คนจากเอเรก ชาวบาบิโลน คนจากสุสาคือชาวเอลาม
- เอสรา 4:10 - และชนชาติทั้งปวงที่โอสนัปปาร์ผู้ยิ่งใหญ่และมีเกียรติได้เนรเทศให้ออกไปตั้งหลักแหล่งอยู่ในเมืองของสะมาเรียและในส่วนอื่นๆ ของแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส
- เอสรา 4:11 - (นี่เป็นสำเนาจดหมายที่พวกเขาส่งไป) “ถึงกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีส จากบรรดาผู้รับใช้ของท่าน คนของแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส
- เอสรา 4:12 - ขอกษัตริย์ทราบด้วยว่า บรรดาชาวยิวที่ท่านปล่อยให้ขึ้นมาถึงที่นี่ ได้ไปยังเยรูซาเล็ม และพวกเขากำลังสร้างเมืองขึ้นใหม่ซึ่งเป็นเมืองที่ชั่วร้ายและแข็งข้อ พวกเขากำลังสร้างกำแพงเมืองจนเกือบเสร็จแล้ว และกำลังซ่อมฐานรากอยู่
- เอสรา 4:13 - บัดนี้ขอกษัตริย์ทราบด้วยว่า ถ้าเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ และกำแพงเมืองสร้างเสร็จ พวกเขาจะไม่มอบของกำนัล ค่าธรรมเนียม หรือภาษี และจะทำให้รายได้ของกษัตริย์ลดน้อยลง
- เอสรา 4:14 - เป็นเพราะพวกเราอยู่ในสังกัดของวังกษัตริย์ และไม่สมควรที่เราจะเห็นกษัตริย์เสื่อมเกียรติ ฉะนั้นพวกเราจึงส่งข้อมูลแจ้งมายังกษัตริย์
- เอสรา 4:15 - เพื่อจะได้ค้นดูในบันทึกเอกสารของบรรพบุรุษของท่าน ท่านจะทราบจากสมุดบันทึกว่า เมืองนี้แข็งข้อและก่อปัญหาให้กับบรรดากษัตริย์และแว่นแคว้น ก่อความกระด้างกระเดื่องต่อผู้มีอำนาจปกครองนับตั้งแต่สมัยก่อน เมืองนี้จึงได้ถูกทำลายสิ้น
- เอสรา 4:16 - พวกเราแจ้งให้กษัตริย์ทราบว่า ถ้าเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ และกำแพงเมืองเสร็จเมื่อใด ท่านจะไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่ในแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส”
- เอสรา 4:17 - กษัตริย์ส่งคำตอบว่า “ถึงเรฮูมผู้บังคับบัญชา และชิมชัยเลขา และเพื่อนร่วมงานทั้งปวงของพวกเขาที่อาศัยอยู่ในสะมาเรียและในแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส เราส่งคำทักทายมา
- เอสรา 4:18 - จดหมายที่ท่านส่งถึงเรานั้นมีคนแปลและอ่านต่อหน้าเราแล้ว
- เอสรา 4:19 - และเราออกคำสั่ง และให้ค้นดูแล้ว เราพบว่าตั้งแต่สมัยก่อน เมืองนี้ได้ลุกขึ้นต่อต้านบรรดากษัตริย์ มีการต่อต้านและปลุกปั่นให้กระด้างกระเดื่องต่อผู้มีอำนาจปกครอง
- เอสรา 4:20 - เยรูซาเล็มมีบรรดากษัตริย์ที่มีอำนาจปกครองทั่วแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส ซึ่งได้รับทั้งของกำนัล ค่าธรรมเนียม และภาษี
- เอสรา 4:21 - ฉะนั้น จงออกคำสั่งว่า ให้คนเหล่านั้นหยุดปฏิบัติงาน อย่าสร้างเมืองนี้ขึ้นใหม่ จนกว่าเราจะเป็นผู้ออกคำสั่ง
- เอสรา 4:22 - จงแน่ใจว่าไม่ละเลยในเรื่องนี้ ทำไมจะปล่อยให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการขัดผลประโยชน์ของกษัตริย์”
- เอสรา 4:23 - ครั้นได้อ่านสำเนาจดหมายของกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีสต่อหน้าเรฮูม ชิมชัยเลขา และบรรดาผู้ร่วมงานของพวกเขาแล้ว เขาทั้งปวงจึงรีบไปหาพวกชาวยิวที่เยรูซาเล็ม และใช้กำลังและอำนาจบังคับให้พวกเขาหยุดก่อสร้าง
- เอสรา 4:24 - ฉะนั้นงานพระตำหนักของพระเจ้าในเยรูซาเล็มจึงหยุดพักไป จนกระทั่งปีที่สองแห่งการปกครองของกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซีย
- เนหะมีย์ 4:1 - เมื่อสันบาลลัททราบว่า พวกเรากำลังสร้างกำแพง เขาก็โกรธและเดือดดาลยิ่งนัก และเขาเย้ยหยันชาวยิว
- เนหะมีย์ 4:2 - เขาพูดต่อหน้าพวกพ้องและกองทัพสะมาเรียว่า “พวกยิวที่อ่อนแอเหล่านี้ทำอะไรกัน พวกเขาจะฟื้นฟูสิ่งต่างๆ ให้ตัวเองหรือ เขาจะถวายเครื่องสักการะหรือ เขาจะสร้างเสร็จในวันเดียวหรือ พวกเขาจะรื้อหินไหม้ดำจากกองขยะออกมาใช้ใหม่อย่างนั้นหรือ”
- มัทธิว 10:5 - ก่อนที่พระเยซูจะส่งสาวกเหล่านี้ทั้งสิบสองคนออกไป พระองค์สั่งพวกเขาว่า “อย่าไปในเขตแดนของบรรดาคนนอก และอย่าเข้าไปในเมืองของชาวสะมาเรีย
- ยอห์น 4:27 - ขณะนั้นบรรดาสาวกของพระองค์กลับมาและประหลาดใจที่พบว่าพระองค์กำลังพูดอยู่กับผู้หญิง แต่ไม่มีผู้ใดถามว่า “พระองค์มีประสงค์อะไร” หรือ “ทำไมพระองค์จึงพูดกับนาง”
- ลูกา 10:33 - ส่วนชาวสะมาเรียคนหนึ่งเดินทางผ่านมาจนมาใกล้ชายคนนั้น เมื่อเห็นเขาแล้วก็เกิดความสงสาร
- ลูกา 17:16 - ชายผู้นี้เป็นชาวสะมาเรียซึ่งก็ได้ทรุดตัวลงแทบเท้าพระเยซูเพื่อขอบคุณพระองค์
- ลูกา 17:17 - พระเยซูถามว่า “ทั้ง 10 คนมิใช่หรือที่หายเป็นปกติ แล้วอีก 9 คนอยู่ไหน
- ลูกา 17:18 - ไม่มีใครกลับมาสรรเสริญพระเจ้า ยกเว้นชายต่างแดนคนนี้ใช่ไหม”
- ลูกา 17:19 - พระองค์กล่าวกับเขาว่า “จงลุกขึ้นแล้วไปได้ ความเชื่อของเจ้าทำให้เจ้าหายดี”
- ลูกา 9:52 - และส่งพวกผู้ส่งข่าวล่วงหน้าไปยังหมู่บ้านของชาวสะมาเรีย เพื่อเตรียมสิ่งต่างๆ ให้พร้อม
- ลูกา 9:53 - แต่ผู้คนที่นั่นกลับไม่ยอมรับพระองค์ เพราะเมืองเยรูซาเล็มเป็นจุดหมายปลายทางของพระองค์
- ลูกา 9:54 - เมื่อสาวกของพระองค์คือยากอบและยอห์นเห็นดังนั้นจึงถามว่า “พระองค์ท่าน พระองค์จะโปรดให้พวกเราขอไฟลงมาจากสวรรค์ทำลายเขาเสียไหม”
- ลูกา 9:55 - แต่พระเยซูหันกลับและห้ามพวกเขาไว้
- ลูกา 9:56 - แล้วพระองค์กับเหล่าสาวกจึงไปยังหมู่บ้านอื่น
- ยอห์น 8:48 - ชาวยิวตอบพระองค์ว่า “พวกเราพูดผิดหรือที่ว่า ท่านเป็นชาวสะมาเรียและมีมารสิงอยู่”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:24 - กษัตริย์แห่งอัสซีเรียให้ประชาชนจากบาบิโลน คูธาห์ อัฟวา ฮามัท และเสฟาร์วาอิม มาอยู่ในเมืองต่างๆ ที่แคว้นสะมาเรียแทนประชาชนอิสราเอล คนเหล่านั้นจึงถือสิทธิ์เป็นเจ้าของทุกสิ่งในแคว้นสะมาเรีย และตั้งรกรากอยู่ที่นั่น
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:25 - ในระยะแรกที่อาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาไม่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าส่งสิงโตเข้าไปท่ามกลางพวกเขา และบางคนถูกสิงโตขย้ำตาย
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:26 - กษัตริย์แห่งอัสซีเรียรับทราบมาว่า “บรรดาประชาชาติที่ท่านเนรเทศให้ไปอยู่ในแคว้นสะมาเรียไม่รู้กฎของพระเจ้าของแผ่นดิน พระองค์จึงได้ให้สิงโตเข้าไปท่ามกลางพวกเขา ดูเถิด สิงโตขย้ำพวกเขาตายก็เพราะพวกเขาไม่รู้กฎของพระเจ้าของแผ่นดิน”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:27 - กษัตริย์แห่งอัสซีเรียจึงสั่งว่า “จงส่งปุโรหิตคนหนึ่งที่ถูกเนรเทศมา ให้เขาไปจากสะมาเรีย และกลับไปอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อสอนกฎของพระเจ้าของแผ่นดินแก่ประชาชน”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:28 - ดังนั้นปุโรหิตคนหนึ่งที่พวกเขาเนรเทศก็ไปจากสะมาเรีย และกลับมาอยู่ที่เบธเอล เพื่อสอนประชาชนว่าพวกเขาควรเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:29 - แต่ประชาชาติแต่ละชาติก็ยังสร้างรูปปั้นเทพเจ้าของตนเอง และตั้งไว้ในวิหารบนภูเขาสูงที่ชาวสะมาเรียได้สร้างไว้ก่อนแล้ว ประชาชาติแต่ละชาติสร้างรูปเคารพในเมืองที่ตนอาศัยอยู่
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:30 - ชาวบาบิโลนสร้างรูปเทพเจ้าสุคคทเบโนท ชาวคูธสร้างรูปเทพเจ้าเนอร์กัล ชาวฮามัทสร้างรูปเทพเจ้าอาชิมา
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:31 - ชาวอัฟวาสร้างรูปเทพเจ้านิบหัสและทาร์ทัก และชาวเสฟาร์วาอิมเผาบุตรของตนเป็นของถวายแก่เทพเจ้าอัดรัมเมเลคและอานัมเมเลค ซึ่งเป็นเทพเจ้าของชาวเสฟาร์วาอิม
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:32 - ประชาชนเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า แต่ก็ยังเลือกบางคนในพวกเขาเองให้เป็นปุโรหิตประจำสถานบูชาบนภูเขาสูง ให้ถวายเครื่องสักการะเพื่อพวกเขาในวิหารบนภูเขาสูง
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:33 - พวกเขาเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า แต่ก็ยังนมัสการปวงเทพเจ้าของตน ทำตามแบบอย่างของบรรดาประชาชาติที่พวกเขาเคยอยู่ด้วยก่อนหน้านี้
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:34 - ทุกวันนี้ พวกเขาก็ปฏิบัติเช่นเคย คือไม่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าจริงๆ และไม่รักษากฎเกณฑ์ คำบัญชา กฎบัญญัติ หรือพระบัญญัติ ที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาบรรดาบุตรของยาโคบผู้ที่พระองค์ตั้งชื่อว่า อิสราเอล
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:35 - พระผู้เป็นเจ้าทำพันธสัญญากับพวกเขา และบัญชาว่า “อย่าเกรงกลัวบรรดาเทพเจ้า หรือก้มกราบและบูชา หรือมอบเครื่องสักการะให้แก่สิ่งเหล่านั้น
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:36 - แต่เจ้าจงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า ผู้นำเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และพลานุภาพ เจ้าจงก้มกราบพระองค์ และจงมอบเครื่องสักการะแด่พระองค์
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:37 - กฎเกณฑ์ คำบัญชา กฎบัญญัติ และบัญญัติที่เราเขียนให้แก่พวกเจ้า เจ้าก็จงระมัดระวังปฏิบัติตามเสมอ อย่าเกรงกลัวบรรดาเทพเจ้า
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:38 - อย่าลืมพันธสัญญาที่เราได้ทำไว้กับเจ้า อย่าเกรงกลัวบรรดาเทพเจ้า
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:39 - แต่เจ้าจงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า และเราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากมือของศัตรูทั้งปวง”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:40 - แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง และยังคงดื้อดึงปฏิบัติเหมือนเดิม
- 2 พงศ์กษัตริย์ 17:41 - ประชาชาติเหล่านี้เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า และบูชารูปเคารพสลัก ทั้งลูกและหลานของพวกเขาก็กระทำเช่นเดียวกัน เหมือนกับที่บรรพบุรุษปฏิบัติ พวกเขาปฏิบัติเช่นนั้นมาจนถึงทุกวันนี้
- กิจการของอัครทูต 10:28 - ท่านกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “ท่านก็ทราบว่า เป็นการผิดกฎของพวกเราชาวยิวที่จะติดต่อหรือเยี่ยมเยียนคนนอก แต่พระเจ้าได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นว่า ข้าพเจ้าไม่ควรเรียกคนหนึ่งคนใดว่าไม่บริสุทธิ์หรือมีมลทิน