逐节对照
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - “โอ นครซึ่งถูกทรมาน ถูกพายุพัดกระหน่ำ และไม่ได้รับการปลอบโยน เราจะสร้างเจ้าด้วยไพฑูรย์ ฐานรากของเจ้าคือพลอยสีน้ำเงิน
- 新标点和合本 - “你这受困苦、被风飘荡不得安慰的人哪, 我必以彩色安置你的石头, 以蓝宝石立定你的根基;
- 和合本2010(上帝版-简体) - 你这受困苦、被暴风卷走、不得怜悯的城, 看哪,我必以灰泥来做你的石头, 以蓝宝石立你的根基,
- 和合本2010(神版-简体) - 你这受困苦、被暴风卷走、不得怜悯的城, 看哪,我必以灰泥来做你的石头, 以蓝宝石立你的根基,
- 当代译本 - “困苦不堪、饱经风雨、 得不着安慰的城啊, 我要以彩石作你的地基, 用蓝宝石建造你的根基,
- 圣经新译本 - 受困苦、被风飘荡、不得安慰的啊! 你看,我要用彩色的石头安置你的基石, 以蓝宝石奠定你的根基。
- 中文标准译本 - “你这经受困苦、屡遭风暴、不得安慰的城 啊! 看哪!我必把你的石头安置在金属锑上, 以蓝宝石奠定你的根基,
- 现代标点和合本 - “你这受困苦、被风飘荡、不得安慰的人哪, 我必以彩色安置你的石头, 以蓝宝石立定你的根基。
- 和合本(拼音版) - “你这受困苦被风飘荡不得安慰的人哪, 我必以彩色安置你的石头, 以蓝宝石立定你的根基;
- New International Version - “Afflicted city, lashed by storms and not comforted, I will rebuild you with stones of turquoise, your foundations with lapis lazuli.
- New International Reader's Version - “Suffering city, you have been beaten by storms. You have not been comforted. I will rebuild you with turquoise stones. I will rebuild your foundations with lapis lazuli.
- English Standard Version - “O afflicted one, storm-tossed and not comforted, behold, I will set your stones in antimony, and lay your foundations with sapphires.
- New Living Translation - “O storm-battered city, troubled and desolate! I will rebuild you with precious jewels and make your foundations from lapis lazuli.
- The Message - “Afflicted city, storm-battered, unpitied: I’m about to rebuild you with stones of turquoise, Lay your foundations with sapphires, construct your towers with rubies, Your gates with jewels, and all your walls with precious stones. All your children will have God for their teacher— what a mentor for your children! You’ll be built solid, grounded in righteousness, far from any trouble—nothing to fear! far from terror—it won’t even come close! If anyone attacks you, don’t for a moment suppose that I sent them, And if any should attack, nothing will come of it. I create the blacksmith who fires up his forge and makes a weapon designed to kill. I also create the destroyer— but no weapon that can hurt you has ever been forged. Any accuser who takes you to court will be dismissed as a liar. This is what God’s servants can expect. I’ll see to it that everything works out for the best.” God’s Decree.
- Christian Standard Bible - “Poor Jerusalem, storm-tossed, and not comforted, I will set your stones in black mortar, and lay your foundations in lapis lazuli.
- New American Standard Bible - “Afflicted one, storm-tossed, and not comforted, Behold, I will set your stones in antimony, And I will lay your foundations with sapphires.
- New King James Version - “O you afflicted one, Tossed with tempest, and not comforted, Behold, I will lay your stones with colorful gems, And lay your foundations with sapphires.
- Amplified Bible - “O you afflicted [city], storm-tossed, and not comforted, Listen carefully, I will set your [precious] stones in mortar, And lay your foundations with sapphires.
- American Standard Version - O thou afflicted, tossed with tempest, and not comforted, behold, I will set thy stones in fair colors, and lay thy foundations with sapphires.
- King James Version - O thou afflicted, tossed with tempest, and not comforted, behold, I will lay thy stones with fair colours, and lay thy foundations with sapphires.
- New English Translation - “O afflicted one, driven away, and unconsoled! Look, I am about to set your stones in antimony and I lay your foundation with lapis-lazuli.
- World English Bible - “You afflicted, tossed with storms, and not comforted, behold, I will set your stones in beautiful colors, and lay your foundations with sapphires.
- 新標點和合本 - 你這受困苦、被風飄蕩不得安慰的人哪, 我必以彩色安置你的石頭, 以藍寶石立定你的根基;
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 你這受困苦、被暴風捲走、不得憐憫的城, 看哪,我必以灰泥來做你的石頭, 以藍寶石立你的根基,
- 和合本2010(神版-繁體) - 你這受困苦、被暴風捲走、不得憐憫的城, 看哪,我必以灰泥來做你的石頭, 以藍寶石立你的根基,
- 當代譯本 - 「困苦不堪、飽經風雨、 得不著安慰的城啊, 我要以彩石作你的地基, 用藍寶石建造你的根基,
- 聖經新譯本 - 受困苦、被風飄蕩、不得安慰的啊! 你看,我要用彩色的石頭安置你的基石, 以藍寶石奠定你的根基。
- 呂振中譯本 - 『受困苦、被風吹蕩、不得安慰的人哪, 請注意,是我要用光彩 石頭 安你的基石, 用藍寶石奠定你的根基;
- 中文標準譯本 - 「你這經受困苦、屢遭風暴、不得安慰的城 啊! 看哪!我必把你的石頭安置在金屬銻上, 以藍寶石奠定你的根基,
- 現代標點和合本 - 「你這受困苦、被風飄蕩、不得安慰的人哪, 我必以彩色安置你的石頭, 以藍寶石立定你的根基。
- 文理和合譯本 - 爾遭患難、飄於巨風、不得慰藉者、我將以丹砂砌爾之石、以青玉作爾之基、
- 文理委辦譯本 - 爾遭患難、不納慰藉、若飄於颶風、我必以光石青玉作爾基、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 維爾遭患難者、被狂風飄蕩者、不受慰藉者、我必以爾石砌於丹砂、以藍寶石作爾基、
- Nueva Versión Internacional - »¡Mira tú, ciudad afligida, atormentada y sin consuelo! ¡Te afirmaré con turquesas, y te cimentaré con zafiros!
- 현대인의 성경 - 여호와께서 말씀하신다. “광풍에 밀려 고통을 당하면서도 위로를 받지 못하는 예루살렘아, 내가 보석으로 네 기초를 다시 쌓고
- Новый Русский Перевод - О город-страдалец, истерзанный бурями и не утешенный! Я отстрою тебя бирюзой, и твои основания – сапфирами .
- Восточный перевод - О город-страдалец, истерзанный бурями и не утешенный! Из бирюзы отстрою тебя, сапфирами выложу основание твоё.
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - О город-страдалец, истерзанный бурями и не утешенный! Из бирюзы отстрою тебя, сапфирами выложу основание твоё.
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - О город-страдалец, истерзанный бурями и не утешенный! Из бирюзы отстрою тебя, сапфирами выложу основание твоё.
- La Bible du Semeur 2015 - O cité malheureuse, ╵battue par la tempête, privée de réconfort : dans un mortier de jaspe, ╵j’enchâsserai tes pierres et je te fonderai ╵sur des saphirs .
- リビングバイブル - 「嵐にもてあそばれ、苦しみ悩んできた わたしの民よ。 わたしはあなたをサファイヤの土台の上に建て替え、 回りの壁を宝石で造る。
- Nova Versão Internacional - “Ó cidade aflita, açoitada por tempestades e não consolada, eu a edificarei com turquesas, edificarei seus alicerces com safiras.
- Hoffnung für alle - So spricht der Herr: »Jerusalem, du leidgeprüfte Stadt, vom Sturm gepeitscht, von keinem getröstet – ich will dich wieder aufbauen. Dein Fundament lege ich aus Saphiren, fest gemauert mit bestem Mörtel.
- Kinh Thánh Hiện Đại - “Hỡi những người đang ưu phiền sầu khổ, bị sóng đời dồi dập, không bao giờ được ủi an. Ta sẽ xây lại ngươi bằng đá quý giá và đặt nền ngươi bằng tảng bích ngọc.
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - “โอ เจ้าผู้รับความลำบาก ผู้ที่ถูกพายุพัดพาไปและไม่ได้กำลังใจ ดูเถิด เราจะสร้างเจ้าด้วยพลอยสีฟ้า และวางฐานรากของเจ้าด้วยนิลสีคราม
交叉引用
- วิวรณ์ 11:3 - เราจะมอบฤทธิ์อำนาจให้แก่พยานทั้งสองของเรา พวกเขาจะนุ่งห่มผ้ากระสอบและเผยพระวจนะเป็นเวลา 1,260 วัน
- วิวรณ์ 11:4 - พยานทั้งสองคือต้นมะกอกสองต้นและคันประทีปสองคันซึ่งอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าของโลก”
- วิวรณ์ 11:5 - ไฟจะพุ่งออกจากปากพยานทั้งสอง เผาผลาญผู้คิดจะมาทำร้าย ผู้ใดคิดจะทำอันตรายพยานทั้งสองจะต้องตายเช่นนี้
- วิวรณ์ 11:6 - ทั้งสองมีฤทธิ์อำนาจที่จะปิด ท้องฟ้าไม่ให้ฝนตกขณะกำลังเผยพระวจนะและมีฤทธิ์ทำให้น้ำกลายเป็นเลือด ตลอดจนบันดาลภัยพิบัติทุกชนิดมากระหน่ำโลกกี่ครั้งก็ได้ตามที่ประสงค์
- วิวรณ์ 11:7 - และเมื่อทั้งสองเป็นพยานเสร็จแล้ว สัตว์ร้ายจากนรกขุมลึกจะขึ้นมาทำร้ายพวกเขา มันจะเอาชนะเขาและฆ่าเขา
- วิวรณ์ 11:8 - ซากศพของพยานทั้งสองจะถูกทิ้งอยู่กลางถนนแห่งมหานครซึ่งได้รับสมญานามว่า โสโดมและอียิปต์ ที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาถูกตรึงบนไม้กางเขน
- วิวรณ์ 11:9 - ตลอดสามวันครึ่งผู้คนจากทุกหมู่ชน ทุกตระกูล ทุกภาษา และทุกชนชาติจะมาจ้องมองซากศพของเขา และไม่ยอมให้ฝังศพนั้น
- วิวรณ์ 11:10 - ชาวโลกทั้งหลายจะมองศพของเขาด้วยความยินดีและจะเฉลิมฉลองให้ของขวัญแก่กัน เพราะผู้เผยพระวจนะทั้งสองได้ทรมานบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในโลก
- อพยพ 24:10 - และเห็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล พื้นใต้พระบาทเป็นแนวเจิดจรัสราวกับแก้วไพฑูรย์สุกปลั่งแจ่มจ้าเหมือนท้องฟ้า
- เอเสเคียล 1:26 - เหนือผืนฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนนี้คือสิ่งที่คล้ายบัลลังก์ไพฑูรย์ และเหนือบัลลังก์นั้นมีร่างหนึ่งดูคล้ายมนุษย์
- วิวรณ์ 21:18 - กำแพงก่อด้วยโมรา ส่วนนครนั้นสร้างจากทองคำบริสุทธิ์ สุกใสดั่งแก้ว
- วิวรณ์ 21:19 - ฐานรากของกำแพงประดับด้วยอัญมณีล้ำค่านานาชนิด ฐานที่หนึ่งคือโมรา ฐานที่สองคือพลอยสีน้ำเงิน ฐานที่สามคือพลอยสีเขียว ฐานที่สี่คือมรกต
- วิวรณ์ 21:20 - ฐานที่ห้าคือโกเมน ฐานที่หกคือพลอยหลากสี ฐานที่เจ็ดคือพลอยสีเขียวเหลือง ฐานที่แปดคือพลอยสีน้ำเงินเขียว ฐานที่เก้าคือบุษราคัม ฐานที่สิบคือหยก ฐานที่สิบเอ็ดคือพลอยสีแดงส้ม ฐานที่สิบสองคือพลอยสีม่วง
- วิวรณ์ 21:21 - ประตูทั้งสิบสองทำด้วยไข่มุกขนาดใหญ่ประตูละเม็ด ถนนในเมืองทำด้วยทองคำเนื้อดีสุกปลั่งดั่งแก้วใส
- อิสยาห์ 51:17 - ตื่นเถิด ตื่นเถิด! จงลุกขึ้นเถิดเยรูซาเล็มเอ๋ย เจ้าผู้ได้ดื่มจากจอกแห่งพระพิโรธของพระเจ้า ซึ่งอยู่ในพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า เจ้าดื่มจนถึงตะกอนก้นถ้วย ซึ่งทำให้ถึงกับซวนเซ
- อิสยาห์ 51:18 - ลูกชายทั้งหมดที่นางคลอดออกมา ไม่มีสักคนเดียวที่จะนำทางนาง ลูกชายทั้งหมดที่นางเลี้ยงดูมา ไม่มีสักคนเดียวที่จะจูงนางไป
- อิสยาห์ 51:19 - ภัยพิบัติอันกระหน่ำซ้ำเติมนี้เกิดขึ้นแก่เจ้า ใครเล่าจะสามารถปลอบโยนเจ้าได้? หายนะและความย่อยยับ การกันดารอาหารและการรบราฆ่าฟัน ใครเล่าจะสามารถปลอบโยนเจ้าได้?
- อิสยาห์ 49:14 - แต่ศิโยนกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดทิ้งข้าแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลืมข้าไปแล้ว”
- อิสยาห์ 28:16 - ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า “ดูเถิด เราวางศิลาก้อนหนึ่งไว้ในศิโยน เป็นศิลามุมเอกล้ำค่า เหมาะเป็นรากฐานอันมั่นคง ผู้ที่วางใจจะไม่มีวันท้อแท้
- เพลงคร่ำครวญ 1:21 - “ผู้คนได้ยินเสียงครวญครางของข้าพระองค์ แต่ไม่มีใครปลอบโยนข้าพระองค์ ศัตรูทั้งปวงได้ยินถึงความทุกข์ยากลำเค็ญของข้าพระองค์ ก็กระหยิ่มลิงโลดในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงทำ ขอทรงนำวันนั้นที่ทรงประกาศไว้มาถึง เพื่อพวกเขาจะได้เป็นเหมือนข้าพระองค์
- เฉลยธรรมบัญญัติ 31:17 - ในวันนั้นเราจะโกรธพวกเขาและละทิ้งพวกเขา เราจะซ่อนหน้าจากพวกเขาและพวกเขาจะถูกทำลาย ภัยพิบัติและความยุ่งยากนานัปการจะเกิดกับพวกเขาจนพวกเขาพูดว่า ‘ภัยพิบัติเหล่านี้เกิดกับเราเพราะพระเจ้าของเราไม่ได้อยู่กับเราแล้วไม่ใช่หรือ?’
- กิจการของอัครทูต 27:18 - พายุซัดกระหน่ำเรืออย่างหนักจนวันรุ่งขึ้นเราต้องทยอยทิ้งสินค้าลงทะเล
- กิจการของอัครทูต 27:19 - ในวันที่สามพวกเขาต้องทิ้งอุปกรณ์ประจำเรือด้วยมือของพวกเขาเอง
- กิจการของอัครทูต 27:20 - เมื่อไม่เห็นแสงตะวันแสงดาวตลอดหลายวันและพายุยังพัดกระหน่ำไม่หยุด ในที่สุดเราก็ไม่เหลือความหวังที่จะรอดชีวิต
- อิสยาห์ 51:21 - ฉะนั้นจงฟังสิ่งนี้เถิด เจ้าผู้ทุกข์ทรมาน ผู้มึนเมาแต่ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์เหล้าองุ่น
- มัทธิว 8:24 - ทันใดนั้นเกิดพายุร้ายกลางทะเลสาบ คลื่นซัดท่วมเรือ แต่พระเยซูบรรทมอยู่
- อพยพ 2:23 - หลายปีต่อมา กษัตริย์อียิปต์สิ้นพระชนม์ ชาวอิสราเอลคร่ำครวญเนื่องจากการเป็นทาสและร่ำร้องทูลขอความช่วยเหลือ เสียงร้องของพวกเขาขึ้นไปถึงพระเจ้า
- ยอห์น 16:20 - เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า พวกท่านจะร้องไห้คร่ำครวญขณะที่โลกเปรมปรีดิ์ พวกท่านจะทุกข์โศกแต่ความทุกข์โศกของพวกท่านจะกลับกลายเป็นความชื่นชมยินดี
- ยอห์น 16:21 - ผู้หญิงที่จะคลอดลูกย่อมเจ็บปวดเพราะถึงกำหนดแล้ว แต่เมื่อทารกคลอดออกมานางก็ลืมความเจ็บปวดทรมานเพราะชื่นชมยินดีที่เด็กคนหนึ่งได้เกิดมาในโลก
- ยอห์น 16:22 - พวกท่านก็เช่นกัน ขณะนี้คือเวลาทุกข์โศกของพวกท่านแต่เราจะมาหาพวกท่านอีกและพวกท่านจะชื่นชมยินดี และจะไม่มีใครเอาความชื่นชมยินดีของพวกท่านไปได้
- อพยพ 28:17 - แล้วฝังอัญมณีสี่แถวเข้ากับทับทรวง แถวแรกได้แก่ ทับทิม บุษราคัม และนิล
- อพยพ 28:18 - แถวที่สองได้แก่ พลอยขี้นกการเวก ไพฑูรย์ และมรกต
- อพยพ 28:19 - แถวที่สามได้แก่ พลอยสีม่วง โมรา และเพทายม่วง
- อพยพ 28:20 - แถวที่สี่ได้แก่ เพทาย โกเมน และมณีโชติ ทั้งหมดนี้ฝังไว้บนเรือนทอง
- เอเฟซัส 2:20 - ท่านได้รับการสร้างขึ้นบนฐานรากของเหล่าอัครทูตและผู้เผยพระวจนะโดยมีพระเยซูคริสต์เองเป็นศิลามุมเอก
- อพยพ 39:10 - แล้วพวกเขาฝังอัญมณีสี่แถวเข้ากับทับทรวง แถวแรกได้แก่ ทับทิม บุษราคัม และนิล
- อพยพ 39:11 - แถวที่สองได้แก่ พลอยขี้นกการเวก ไพฑูรย์ และมรกต
- อพยพ 39:12 - แถวที่สามได้แก่ พลอยสีม่วง โมรา และเพทายม่วง
- อพยพ 39:13 - แถวที่สี่ได้แก่ เพทาย โกเมน และมณีโชติ ทั้งหมดนี้ฝังไว้บนเรือนทอง
- อพยพ 39:14 - อัญมณีสิบสองเม็ดนี้แต่ละเม็ดสลักชื่อบุตรชายแต่ละคนของอิสราเอลแทนทั้งสิบสองเผ่าเหมือนสลักตรา
- เพลงคร่ำครวญ 1:1 - โอ กรุงที่เคยมีพลเมืองหนาแน่น กลับอ้างว้างเสียแล้ว! กรุงที่เคยยิ่งใหญ่ในหมู่ประชาชาติ กลับเป็นเหมือนหญิงม่ายเสียแล้ว! กรุงซึ่งเคยเป็นราชินีในหมู่แว่นแคว้นต่างๆ กลับตกเป็นทาสเสียแล้ว
- เพลงคร่ำครวญ 1:2 - ยามค่ำคืนเธอร่ำไห้อย่างขมขื่น น้ำตาไหลอาบแก้ม ในบรรดาคนรักของเธอ ไม่มีสักคนที่ปลอบโยนเธอ สหายทั้งปวงก็ทรยศเธอ พวกเขากลับกลายเป็นศัตรูของเธอ
- อิสยาห์ 60:15 - “แม้ว่าเจ้าเคยถูกทอดทิ้งและเกลียดชัง ไม่มีใครเดินทางผ่าน เราก็จะทำให้เจ้าเป็นเกียรติภูมินิรันดร์ และเป็นความชื่นชมยินดีของคนทุกชั่วอายุ
- เอเสเคียล 40:1 - ในวันที่สิบต้นปีที่ยี่สิบห้าซึ่งเราตกเป็นเชลยหรือปีที่สิบสี่หลังจากกรุงแตก ในวันนั้นพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้าและทรงนำข้าพเจ้าไปที่นั่น
- เอเสเคียล 40:2 - ในนิมิตของพระเจ้านั้นพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามายังดินแดนอิสราเอล และทรงวางข้าพเจ้าไว้บนภูเขาที่สูงมาก ทางด้านทิศใต้ของภูเขานั้นมีอาคารบ้านเรือนซึ่งดูเหมือนเป็นเมืองหนึ่ง
- เอเสเคียล 40:3 - พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปที่นั่น และข้าพเจ้าพบชายคนหนึ่งมีรูปลักษณ์เปล่งปลั่งคล้ายทองสัมฤทธิ์ยืนอยู่ที่ทางเข้า มือถือเชือกป่านเส้นหนึ่งและไม้วัดอันหนึ่ง
- เอเสเคียล 40:4 - ชายผู้นั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมองให้เต็มตา จงฟังให้เต็มหู และจงเอาใจใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะสำแดงให้แก่เจ้า เพราะพระเจ้าพาเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อการนี้ จงแจ้งทุกสิ่งที่เจ้าเห็นนั้นแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”
- เอเสเคียล 40:5 - ข้าพเจ้าเห็นกำแพงล้อมรอบบริเวณพระวิหาร ไม้วัดในมือเขาผู้นั้นยาว 6 ศอกยาว หนึ่งในหกของไม้วัดนั้นยาว 1 ศอก และ 1 ฝ่ามือ เขาวัดกำแพงได้หนาหนึ่งไม้วัดและสูงหนึ่งไม้วัด
- เอเสเคียล 40:6 - แล้วเขาไปยังประตูด้านตะวันออกและขึ้นบันไดไป แล้ววัดธรณีประตูลึกหนึ่งไม้วัด
- เอเสเคียล 40:7 - สองฟากทางเดินของประตูด้านตะวันออกมีห้องยามฟากละสามห้อง แต่ละห้องเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวห้องละหนึ่งไม้วัด ผนังกั้นระหว่างห้องยามแต่ละห้องหนา 5 ศอก ทางเข้าติดกับมุขซึ่งหันหน้าไปทางพระวิหารลึกหนึ่งไม้วัด
- เอเสเคียล 40:8 - แล้วเขาวัดมุขของประตูทางเข้านี้
- เอเสเคียล 40:9 - วัดความลึกได้ 8 ศอก และมีเสาหนา 2 ศอก มุขของประตูทางเข้านี้หันไปทางพระวิหาร
- เอเสเคียล 40:10 - ห้องยามทั้งสองฟากซึ่งอยู่ด้านในประตูด้านตะวันออกมีขนาดเดียวกัน และความหนาของผนังกั้นระหว่างห้องก็มีขนาดเท่ากัน
- เอเสเคียล 40:11 - แล้วเขาวัดความกว้างของมุขประตูได้ 10 ศอก และความยาว 13 ศอก
- เอเสเคียล 40:12 - ด้านหน้าของแต่ละห้องมีกำแพงสูง 1 ศอก และห้องยามเหล่านั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีขนาดกว้างและยาว 6 ศอก
- เอเสเคียล 40:13 - แล้วเขาวัดขนาดทางเข้าจากริมสุดของผนังด้านหลังของห้องไปจดริมสุดของผนังด้านหลังของห้องตรงกันข้ามเป็นระยะ 25 ศอก
- เอเสเคียล 40:14 - เขาวัดระยะตามขวางของผนังกั้นห้องตลอดด้านในของทางเข้าจนถึงมุข หน้าลานพระวิหารได้ 60 ศอก
- เอเสเคียล 40:15 - จากทางเข้าถึงริมสุดของมุขวัดได้ 50 ศอก
- เอเสเคียล 40:16 - รอบมุขนี้มีหน้าต่างซึ่งแคบเข้ามาข้างในอยู่ด้านบนของห้องยามและผนังกั้นห้อง ส่วนหนาของผนังกั้นห้องสลักลวดลายต้นอินทผลัม
- เอเสเคียล 40:17 - แล้วเขาผู้นั้นนำข้าพเจ้ามายังลานชั้นนอก ที่นั่นข้าพเจ้าเห็นห้องต่างๆ และทางเดินขึ้นรอบลาน นับตลอดทางเดินมีสามสิบห้อง
- เอเสเคียล 40:18 - ทางเดินนี้ทอดยาวตลอดความยาวของทางเข้า นี่เป็นทางเดินตอนล่าง
- เอเสเคียล 40:19 - แล้วเขาวัดระยะจากด้านในของทางเข้าตอนล่างถึงด้านนอกของลานชั้นในได้ 100 ศอก ทั้งด้านตะวันออกและด้านเหนือ
- เอเสเคียล 40:20 - แล้วเขาวัดความกว้างและความยาวของประตูด้านเหนือซึ่งนำไปสู่ลานชั้นนอก
- เอเสเคียล 40:21 - ห้องยามซึ่งมีด้านละสามห้อง ผนังกั้นห้องและมุขล้วนมีขนาดเดียวกับประตูแรก คือยาว 50 ศอกและกว้าง 25 ศอก
- เอเสเคียล 40:22 - หน้าต่าง มุข และลวดลายต้นอินทผลัม ล้วนมีขนาดเดียวกับที่ประตูด้านตะวันออก บันไดที่ทอดขึ้นไปนั้นมีเจ็ดขั้นซึ่งมีมุขอยู่ตรงกันข้าม
- เอเสเคียล 40:23 - ประตูสู่ลานชั้นในถัดจากประตูทิศเหนือ มีลักษณะเดียวกับประตูตะวันออก เขาวัดจากประตูหนึ่งไปยังอีกประตูหนึ่งได้ 100 ศอก
- เอเสเคียล 40:24 - แล้วเขานำข้าพเจ้าไปยังด้านใต้ ข้าพเจ้าเห็นประตูที่หันหน้าไปทางทิศใต้ เขาวัดเสาประตูและมุขซึ่งมีขนาดเดียวกับที่อื่นๆ
- เอเสเคียล 40:25 - ทางเข้าและมุขมีหน้าต่างแคบเข้าไปด้านในอยู่รอบๆ เหมือนหน้าต่างที่ประตูอื่นๆ และยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก
- เอเสเคียล 40:26 - บันไดที่ทอดขึ้นไปมีเจ็ดขั้น ตรงข้ามกันคือมุข ส่วนหนาของผนังกั้นแต่ละด้านมีลวดลายต้นอินทผลัม
- เอเสเคียล 40:27 - ลานชั้นในนี้ก็มีประตูหันหน้าไปทางทิศใต้ด้วย และเขาวัดจากประตูนี้ไปยังประตูชั้นนอกทางด้านใต้เป็นระยะ 100 ศอก
- เอเสเคียล 40:28 - แล้วเขาพาข้าพเจ้าผ่านประตูด้านใต้ไปยังลานชั้นใน เขาวัดประตูด้านใต้ซึ่งมีขนาดเดียวกับประตูอื่นๆ
- เอเสเคียล 40:29 - ห้องยาม ผนังกั้นห้อง และมุขมีขนาดเดียวกับที่ประตูอื่นๆ ทางเข้าและมุขล้วนมีหน้าต่างโดยรอบ วัดระยะได้ยาว 50 ศอกและกว้าง 25 ศอก
- เอเสเคียล 40:30 - (มุขของประตูทางเข้ารอบลานชั้นในกว้าง 25 ศอกและลึก 5 ศอก )
- เอเสเคียล 40:31 - มุขหันออกลานชั้นนอก เสามีลวดลายต้นอินทผลัมและมีบันไดแปดขั้นทอดขึ้นสู่มุขนั้น
- เอเสเคียล 40:32 - จากนั้นเขานำข้าพเจ้าเข้าสู่ลานชั้นในทางด้านตะวันออก และเขาวัดประตูทางเข้าซึ่งมีขนาดเดียวกับทางเข้าอื่นๆ
- เอเสเคียล 40:33 - ห้องยาม ผนังกั้นห้อง และมุขมีขนาดเดียวกับที่อื่นๆ ทางเข้าและมุขมีหน้าต่างโดยรอบ วัดระยะได้ยาว 50 ศอกและกว้าง 25 ศอก
- เอเสเคียล 40:34 - มุขหันหน้าออกลานชั้นนอก เสาทั้งสองด้านมีลวดลายต้นอินทผลัมและมีบันไดแปดขั้นทอดขึ้นสู่มุขนั้น
- เอเสเคียล 40:35 - แล้วเขาพาข้าพเจ้าไปยังประตูทิศเหนือ และวัดขนาดซึ่งก็เท่ากับที่อื่นๆ
- เอเสเคียล 40:36 - ห้องยาม ผนังกั้นห้อง และมุขก็มีขนาดเดียวกันและมีหน้าต่างโดยรอบ วัดระยะได้ยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก
- เอเสเคียล 40:37 - มุข หันหน้าออกลานชั้นนอก เสาทั้งสองด้านมีลวดลายต้นอินทผลัมและมีบันไดแปดขั้นทอดขึ้นสู่มุขนั้น
- เอเสเคียล 40:38 - ใกล้มุขตรงทางเข้าชั้นในแต่ละด้านมีห้องหนึ่งซึ่งเป็นที่ชำระล้างเครื่องเผาบูชา
- เอเสเคียล 40:39 - ในมุขตรงทางเข้ามีโต๊ะสองตัวตั้งอยู่แต่ละด้าน ซึ่งเป็นที่สำหรับฆ่าสัตว์เผาบูชา เครื่องบูชาไถ่บาป และเครื่องบูชาลบความผิด
- เอเสเคียล 40:40 - ด้านนอกของมุขทางเข้าใกล้บันได ปากทางเข้าสู่ประตูด้านเหนือมีโต๊ะสองตัว และอีกฟากหนึ่งของบันไดมีโต๊ะอีกสองตัว
- เอเสเคียล 40:41 - ฉะนั้นแต่ละฟากของทางเข้ามีโต๊ะด้านละสี่ตัว รวมเป็นแปดตัว เป็นที่สำหรับฆ่าสัตว์ที่เป็นเครื่องบูชา
- เอเสเคียล 40:42 - และมีโต๊ะอีกสี่ตัวทำด้วยหินสกัดสำหรับเครื่องเผาบูชา แต่ละตัวกว้างและยาว 1.5 ศอก สูง 1 ศอก บนโต๊ะใช้วางภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ ในการฆ่าเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆ
- สดุดี 34:19 - คนชอบธรรมอาจเจอความทุกข์ร้อนหลายอย่าง แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยให้เขาผ่านพ้นทุกอย่างไปได้
- ยอห์น 16:33 - “เราบอกสิ่งเหล่านี้แก่พวกท่านเพื่อพวกท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้พวกท่านจะมีความทุกข์ยากแต่จงชื่นใจเถิด! เราได้ชนะโลกแล้ว”
- สดุดี 129:1 - พวกเขาข่มเหงรังแกข้าพเจ้าอย่างหนักตั้งแต่วัยเยาว์ ให้อิสราเอลกล่าวเถิดว่า
- สดุดี 129:2 - พวกเขาข่มเหงรังแกข้าพเจ้าอย่างหนักตั้งแต่วัยเยาว์ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ชนะข้าพเจ้า
- สดุดี 129:3 - พวกเขาทำนาบนหลังข้าพเจ้า และฝากรอยไถไว้ยาว
- เอเสเคียล 10:1 - ข้าพเจ้ามองดูและเห็นบางสิ่งคล้ายพระที่นั่งไพฑูรย์อยู่เหนือฟ้ากว้างที่อยู่เหนือศีรษะของเหล่าเครูบ
- อพยพ 3:2 - ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่เขาเป็นเปลวไฟลุกโชนในพุ่มไม้ โมเสสเห็นว่าแม้ต้นไม้นั้นมีไฟลุกโชนก็ไม่ได้มอดไหม้
- เพลงโซโลมอน 5:14 - แขนของเขาเรียวงามดุจทองคำ ฝังบุษราคัม เรือนกายของเขาดั่งงาช้างวาววับ ประดับด้วยไพฑูรย์
- 1พงศ์กษัตริย์ 5:17 - ตามพระบัญชาของโซโลมอน พวกเขาขนหินก้อนมหึมาที่คัดแล้วเพื่อสกัดเป็นหินฐานรากของพระวิหาร
- อพยพ 3:7 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราได้เห็นความทุกข์เข็ญของประชากรของเราในอียิปต์แล้ว เราได้ยินเสียงร่ำร้องเนื่องจากนายงานอำมหิตของพวกเขา และเราห่วงใยในความทุกข์ทรมานของพวกเขา
- อิสยาห์ 14:32 - จะตอบทูตของประชาชาตินั้นว่าอย่างไร? ก็ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสถาปนาศิโยนไว้ และคนที่ทุกข์ลำเค็ญในเมืองนั้นจะพบที่พักพิง”
- กิจการของอัครทูต 14:22 - เพื่อช่วยให้พวกสาวกเข้มแข็งขึ้นและให้กำลังใจพวกเขาให้สัตย์ซื่อมั่นคงในความเชื่อ พวกเขากล่าวว่า “เราต้องเผชิญความยากลำบากมากมายเพื่อเข้าอาณาจักรของพระเจ้า”
- เพลงคร่ำครวญ 1:16 - “ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงร่ำไห้ น้ำตาหลั่งริน ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ คอยปลอบโยน ไม่มีใครช่วยกู้ดวงวิญญาณของข้าพเจ้า ลูกๆ ของข้าพเจ้าสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะศัตรูชนะเขา”
- เพลงคร่ำครวญ 1:17 - ศิโยนยื่นมือออก แต่ไม่มีใครปลอบโยนเธอ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชายาโคบไว้แล้วว่า ให้เพื่อนบ้านของเขากลายเป็นศัตรู เยรูซาเล็มกลายเป็น ของโสโครกในหมู่พวกเขา
- วิวรณ์ 12:13 - เมื่อพญานาคเห็นว่าตนถูกทิ้งลงบนโลกก็ไล่ล่าหญิงซึ่งคลอดบุตรชายนั้น
- วิวรณ์ 12:14 - หญิงนั้นได้รับปีกพญาอินทรีสองปีกเพื่อจะได้บินไปยังที่ซึ่งจัดเตรียมไว้ให้นางในถิ่นกันดาร ที่นั่นนางจะได้รับการปกป้องเลี้ยงดูให้พ้นจากพญานาคตลอดหนึ่งวาระ สองวาระและครึ่งวาระ
- วิวรณ์ 12:15 - พญานาคนั้นก็พ่นน้ำออกมามากมายเหมือนแม่น้ำเพื่อซัดนางให้ลอยไปตามกระแสน้ำ
- วิวรณ์ 12:16 - แต่แผ่นดินช่วยนางไว้ มันแยกออกสูบเอาแม่น้ำซึ่งพญานาคพ่นออกจากปากลงไป
- วิวรณ์ 12:17 - แล้วพญานาคก็โกรธแค้นหญิงนั้นและไปทำสงครามกับลูกหลานของนางที่เหลือคือ คนเหล่านั้นที่เชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้าและยึดมั่นในคำพยานเรื่องพระเยซู
- อิสยาห์ 54:6 - องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเรียกเจ้ากลับมา เสมือนหนึ่งเจ้าเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งและชอกช้ำระกำใจ เป็นภรรยาที่แต่งงานไปตั้งแต่ยังสาว เพียงเพื่อจะถูกทอดทิ้ง” พระเจ้าของเจ้าตรัสดังนั้น
- เยเรมีย์ 30:17 - เพราะเราจะให้เจ้ามีสุขภาพดีดังเดิม และรักษาบาดแผลของเจ้า’ องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ‘เพราะเจ้าได้ชื่อว่า “พวกเศษเดน” ศิโยนที่ไม่มีใครเหลียวแล’
- 1พงศาวดาร 29:2 - ข้าพเจ้าได้จัดเตรียมไว้สุดความสามารถสำหรับพระวิหารของพระเจ้า ไม่ว่าทอง เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้ โกเมน หินจำพวกโมรา พลอยขี้นกการเวก สำหรับฝังประดับเพชรพลอยหลากสี หินลาย และหินอ่อนจำนวนมหาศาล
- 1เปโตร 2:4 - เมื่อท่านทั้งหลายมาหาพระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระศิลาอันทรงชีวิต มนุษย์ไม่ยอมรับพระองค์แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกสรรและถือว่าพระองค์ล้ำค่า
- 1เปโตร 2:5 - ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน ท่านเป็นเหมือนศิลาอันมีชีวิตซึ่งกำลังได้รับการก่อขึ้นเป็นวิหารฝ่ายวิญญาณ เพื่อเป็นปุโรหิตบริสุทธิ์ผู้ทำหน้าที่ถวายเครื่องบูชาฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าทรงยอมรับผ่านทางพระเยซูคริสต์
- 1เปโตร 2:6 - เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า “ดูเถิด เราวางศิลาก้อนหนึ่งไว้ในศิโยน เป็นศิลาหัวมุมล้ำค่าซึ่งได้รับการเลือกสรรแล้ว และผู้ที่วางใจในพระองค์ จะไม่มีวันอับอายเลย”