逐节对照
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - และข้าพเจ้าจะว่าอะไรอีก ข้าพเจ้าไม่มีเวลาพอที่จะกล่าวถึงกิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ ดาวิด ซามูเอล และบรรดาผู้เผยพระวจนะต่างๆ
- 新标点和合本 - 我又何必再说呢?若要一一细说,基甸、巴拉、参孙、耶弗他、大卫、撒母耳,和众先知的事,时候就不够了。
- 和合本2010(上帝版-简体) - 我还要说什么呢?若要一一细说基甸、巴拉、参孙、耶弗他、大卫、撒母耳和众先知的事,时间就不够了。
- 和合本2010(神版-简体) - 我还要说什么呢?若要一一细说基甸、巴拉、参孙、耶弗他、大卫、撒母耳和众先知的事,时间就不够了。
- 当代译本 - 我还要再说下去吗?我没有时间一一细说基甸、巴拉、参孙、耶弗他、大卫、撒母耳和众先知的事了。
- 圣经新译本 - 我还要再说什么呢?如果再要述说基甸、巴拉、参孙、耶弗他、大卫、撒母耳和众先知的事,时间就不够了。
- 中文标准译本 - 我还要再说什么呢?如果我一一述说基甸、巴拉克、参孙、耶弗达、大卫、撒母耳和先知们的事,时间就不够了。
- 现代标点和合本 - 我又何必再说呢?若要一一细说基甸、巴拉、参孙、耶弗他、大卫、撒母耳和众先知的事,时候就不够了。
- 和合本(拼音版) - 我又何必再说呢?若要一一细说,基甸、巴拉、参孙、耶弗他、大卫、撒母耳和众先知的事,时候就不够了。
- New International Version - And what more shall I say? I do not have time to tell about Gideon, Barak, Samson and Jephthah, about David and Samuel and the prophets,
- New International Reader's Version - What more can I say? I don’t have time to tell about all the others. I don’t have time to talk about Gideon, Barak, Samson and Jephthah. I don’t have time to tell about David and Samuel and the prophets.
- English Standard Version - And what more shall I say? For time would fail me to tell of Gideon, Barak, Samson, Jephthah, of David and Samuel and the prophets—
- New Living Translation - How much more do I need to say? It would take too long to recount the stories of the faith of Gideon, Barak, Samson, Jephthah, David, Samuel, and all the prophets.
- The Message - I could go on and on, but I’ve run out of time. There are so many more—Gideon, Barak, Samson, Jephthah, David, Samuel, the prophets. . . . Through acts of faith, they toppled kingdoms, made justice work, took the promises for themselves. They were protected from lions, fires, and sword thrusts, turned disadvantage to advantage, won battles, routed alien armies. Women received their loved ones back from the dead. There were those who, under torture, refused to give in and go free, preferring something better: resurrection. Others braved abuse and whips, and, yes, chains and dungeons. We have stories of those who were stoned, sawed in two, murdered in cold blood; stories of vagrants wandering the earth in animal skins, homeless, friendless, powerless—the world didn’t deserve them!—making their way as best they could on the cruel edges of the world.
- Christian Standard Bible - And what more can I say? Time is too short for me to tell about Gideon, Barak, Samson, Jephthah, David, Samuel, and the prophets,
- New American Standard Bible - And what more shall I say? For time will fail me if I tell of Gideon, Barak, Samson, Jephthah, of David and Samuel and the prophets,
- New King James Version - And what more shall I say? For the time would fail me to tell of Gideon and Barak and Samson and Jephthah, also of David and Samuel and the prophets:
- Amplified Bible - And what more shall I say? For time will fail me if I tell of Gideon, Barak, Samson, Jephthah, of David and Samuel and the prophets,
- American Standard Version - And what shall I more say? for the time will fail me if I tell of Gideon, Barak, Samson, Jephthah; of David and Samuel and the prophets:
- King James Version - And what shall I more say? for the time would fail me to tell of Gedeon, and of Barak, and of Samson, and of Jephthae; of David also, and Samuel, and of the prophets:
- New English Translation - And what more shall I say? For time will fail me if I tell of Gideon, Barak, Samson, Jephthah, of David and Samuel and the prophets.
- World English Bible - What more shall I say? For the time would fail me if I told of Gideon, Barak, Samson, Jephthah, David, Samuel, and the prophets,
- 新標點和合本 - 我又何必再說呢?若要一一細說,基甸、巴拉、參孫、耶弗他、大衛、撒母耳,和眾先知的事,時候就不夠了。
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 我還要說甚麼呢?若要一一細說基甸、巴拉、參孫、耶弗他、大衛、撒母耳和眾先知的事,時間就不夠了。
- 和合本2010(神版-繁體) - 我還要說甚麼呢?若要一一細說基甸、巴拉、參孫、耶弗他、大衛、撒母耳和眾先知的事,時間就不夠了。
- 當代譯本 - 我還要再說下去嗎?我沒有時間一一細說基甸、巴拉、參孫、耶弗他、大衛、撒母耳和眾先知的事了。
- 聖經新譯本 - 我還要再說甚麼呢?如果再要述說基甸、巴拉、參孫、耶弗他、大衛、撒母耳和眾先知的事,時間就不夠了。
- 呂振中譯本 - 我還要說甚麼呢?要敘說 基甸 、 巴拉 、 參孫 、 耶弗他 、 大衛 、和 撒母耳 、以及眾神言人的事,時間就不夠了。
- 中文標準譯本 - 我還要再說什麼呢?如果我一一述說基甸、巴拉克、參孫、耶弗達、大衛、撒母耳和先知們的事,時間就不夠了。
- 現代標點和合本 - 我又何必再說呢?若要一一細說基甸、巴拉、參孫、耶弗他、大衛、撒母耳和眾先知的事,時候就不夠了。
- 文理和合譯本 - 我又何言哉、如基甸、巴拉、參孫、耶弗他、大衛、撒母耳、與諸先知、若言之、時則不足矣、
- 文理委辦譯本 - 是豈言之可盡哉、有若其田、巴勒、參孫、耶弗大、大闢 撒母耳、及諸先知、如欲言之、日亦不足、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 我何必盡言、有若 基甸 、 巴拉 、 參孫 、 耶弗他 、 大衛 、 撒母耳 、及諸先知、如歷敘之、則時有不足也、
- 吳經熊文理聖詠與新經全集 - 雖然、吾亦何用多說。若夫 基甸 巴拉 桑生 耶弗德 大維 撒母耳 以及眾先知之事、實不勝縷述也。
- Nueva Versión Internacional - ¿Qué más voy a decir? Me faltaría tiempo para hablar de Gedeón, Barac, Sansón, Jefté, David, Samuel y los profetas,
- 현대인의 성경 - 그 밖에 기드온, 바락, 삼손, 입다, 다윗, 사무엘, 그리고 다른 예언자들에 대하여 하나하나 다 말하자면 끝이 없을 것입니다.
- Новый Русский Перевод - Есть ли нужда говорить больше? Время не позволяет мне рассказать о Гедеоне, Вараке, Самсоне, Иеффае, Давиде, Самуиле и пророках.
- Восточный перевод - Есть ли нужда говорить больше? Время не позволяет мне рассказать о Гедеоне, Вараке, Самсоне, Иефтахе, Давуде, Шемуиле и пророках.
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Есть ли нужда говорить больше? Время не позволяет мне рассказать о Гедеоне, Вараке, Самсоне, Иефтахе, Давуде, Шемуиле и пророках.
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - Есть ли нужда говорить больше? Время не позволяет мне рассказать о Гедеоне, Вараке, Самсоне, Иефтахе, Довуде, Самуиле и пророках.
- La Bible du Semeur 2015 - Que dirai-je encore ? Le temps me manquerait pour parler en détail de Gédéon, de Baraq, de Samson, de Jephté, de David, de Samuel et des prophètes.
- リビングバイブル - これ以上、何をつけ加える必要があるでしょう。ギデオン、バラク、サムソン、エフタ、またダビデ、サムエル、そのほか多くの預言者の信仰について話し始めたら、いくら時間があっても足りません。
- Nestle Aland 28 - Καὶ τί ἔτι λέγω; ἐπιλείψει με γὰρ διηγούμενον ὁ χρόνος περὶ Γεδεών, Βαράκ, Σαμψών, Ἰεφθάε, Δαυίδ τε καὶ Σαμουὴλ καὶ τῶν προφητῶν,
- unfoldingWord® Greek New Testament - καὶ τί ἔτι λέγω? ἐπιλείψει γὰρ με διηγούμενον ὁ χρόνος, περὶ Γεδεών, Βαράκ, Σαμψών, Ἰεφθάε, Δαυείδ τε καὶ Σαμουὴλ, καὶ τῶν προφητῶν,
- Nova Versão Internacional - Que mais direi? Não tenho tempo para falar de Gideão, Baraque, Sansão, Jefté, Davi, Samuel e os profetas,
- Hoffnung für alle - Es wären noch viele andere zu nennen. Nur würde die Zeit wohl nicht ausreichen, wollte ich sie alle aufzählen: Gideon und Barak, Simson, Jeftah, David, Samuel und die Propheten.
- Kinh Thánh Hiện Đại - Tôi còn phải kể những ai nữa? Nếu nhắc đến từng người như Ghi-đê-ôn, Ba-rác, Sam-sôn, Giép-thê, Đa-vít, Sa-mu-ên, và các nhà tiên tri thì phải mất nhiều thì giờ.
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - แล้วข้าพเจ้าจะพูดอะไรมากกว่านี้อีกเล่า ข้าพเจ้าไม่มีเวลาพอที่จะบอกเรื่องกิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ ดาวิด ซามูเอล และผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทั้งหลาย
交叉引用
- 1ซามูเอล 12:11 - องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงส่งเยรุบบาอัล บาราค เยฟธาห์ และซามูเอล มาช่วยท่านจากเงื้อมมือของศัตรูรอบด้าน เพื่อท่านจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่นคงปลอดภัย
- ผู้วินิจฉัย 6:11 - ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามานั่งอยู่ใต้ต้นโอ๊กในโอฟราห์ ซึ่งเป็นที่ดินของโยอาชตระกูลอาบีเอเซอร์ กิเดโอนบุตรโยอาชกำลังนวดข้าวสาลีอยู่ในบ่อย่ำองุ่น เพื่อให้พ้นจากสายตาชาวมีเดียน
- มัทธิว 5:12 - จงชื่นชมยินดีเถิดเพราะบำเหน็จของท่านในสวรรค์ยิ่งใหญ่นัก เพราะพวกเขาได้ข่มเหงบรรดาผู้เผยพระวจนะที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน
- โรม 6:1 - เช่นนี้แล้วเราจะว่าอย่างไร? เราควรจะทำบาปต่อไปเพื่อพระคุณจะได้มีมากยิ่งขึ้นหรือ?
- กิจการของอัครทูต 13:22 - หลังจากพระเจ้าทรงปลดซาอูลพระองค์ก็ทรงตั้งดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์และทรงเป็นพยานเกี่ยวกับดาวิดว่า ‘เราพบว่าดาวิดบุตรเจสซีเป็นผู้ที่เราชอบใจยิ่งนัก เขาจะทำทุกสิ่งที่เราต้องการให้เขาทำ’
- กิจการของอัครทูต 13:23 - “จากวงศ์วานของดาวิดนี้เองพระเจ้าทรงนำพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดตามที่ทรงสัญญาไว้มาสู่อิสราเอล
- กิจการของอัครทูต 13:24 - ก่อนพระเยซูเสด็จมายอห์นประกาศเรื่องการกลับใจใหม่และการรับบัพติศมาแก่ปวงชนอิสราเอล
- กิจการของอัครทูต 13:25 - เมื่อยอห์นทำงานของตนใกล้จะเสร็จแล้วเขากล่าวว่า ‘พวกท่านคิดว่าข้าพเจ้าเป็นใคร? ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้ที่พวกท่านกำลังมองหาอยู่ แต่มีผู้หนึ่งกำลังจะมาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะถอดฉลองพระบาทของพระองค์’
- กิจการของอัครทูต 13:26 - “พี่น้องทั้งหลายผู้เป็นลูกหลานของอับราฮัมและท่านชาวต่างชาติผู้ยำเกรงพระเจ้า พวกเรานี่แหละคือผู้ที่เรื่องราวแห่งความรอดนี้มีมาถึง
- กิจการของอัครทูต 13:27 - ชาวกรุงเยรูซาเล็มกับพวกผู้นำของเขาไม่รู้ว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ใด ถึงกระนั้นที่เขาตัดสินลงโทษพระองค์ก็เป็นไปตามคำของผู้เผยพระวจนะซึ่งอ่านกันอยู่ทุกวันสะบาโต
- กิจการของอัครทูต 13:28 - ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่พบมูลเหตุใดที่จะเอาผิดถึงตายก็ยังขอให้ปีลาตประหารพระองค์
- กิจการของอัครทูต 13:29 - เมื่อเขาทั้งหลายได้ทำตามสิ่งทั้งปวงที่มีเขียนไว้เกี่ยวกับพระองค์แล้วก็นำพระศพลงจากต้นไม้ไปวางไว้ในอุโมงค์
- กิจการของอัครทูต 13:30 - แต่พระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย
- กิจการของอัครทูต 13:31 - และบรรดาผู้ที่ได้ตามเสด็จพระองค์จากแคว้นกาลิลีมายังกรุงเยรูซาเล็มได้เห็นพระองค์เป็นเวลาหลายวัน บัดนี้พวกเขาเป็นพยานเรื่องพระองค์แก่ประชาชนของเรา
- กิจการของอัครทูต 13:32 - “พวกเราแจ้งข่าวประเสริฐนี้แก่ท่าน คือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับเหล่าบรรพบุรุษของเรา
- กิจการของอัครทูต 13:33 - พระองค์ได้ทรงกระทำให้สำเร็จแล้วเพื่อพวกเราผู้เป็นลูกหลานของคนเหล่านั้นโดยทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นตามที่เขียนไว้ในสดุดีบทที่สองว่า “ ‘เจ้าเป็นบุตรของเรา วันนี้เราได้เป็นบิดาของเจ้า ’
- กิจการของอัครทูต 13:34 - ความจริงที่ว่าพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย ไม่ต้องเน่าเปื่อยเลย ระบุไว้ในข้อความที่ว่า “ ‘เราจะให้พรอันบริสุทธิ์และแน่นอนแก่เจ้าตามที่ได้สัญญาไว้กับดาวิด’
- กิจการของอัครทูต 13:35 - และอีกตอนหนึ่งที่ว่า “ ‘พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เน่าเปื่อย’
- กิจการของอัครทูต 13:36 - “เพราะเมื่อดาวิดได้ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าในชั่วอายุของเขาแล้วเขาก็ล่วงลับไปและถูกฝังไว้กับเหล่าบรรพบุรุษและร่างกายของเขาก็เน่าเปื่อยไป
- 1ซามูเอล 17:1 - ครั้งนั้นชาวฟีลิสเตียรวมพลมาสู้รบและชุมนุมกันที่โสโคห์ในยูดาห์ พวกเขาตั้งค่ายพักที่เอเฟสดัมมิมซึ่งอยู่ระหว่างโสโคห์กับอาเซคาห์
- 1ซามูเอล 17:2 - ซาอูลและชนอิสราเอลมารวมพลและตั้งค่ายพักอยู่ที่หุบเขาเอลาห์ ตั้งแนวรบประจันหน้ากับชาวฟีลิสเตีย
- 1ซามูเอล 17:3 - ชาวฟีลิสเตียยึดเนินเขาด้านหนึ่ง อิสราเอลยึดเนินเขาอีกด้านหนึ่ง มีหุบเขาคั่นกลาง
- 1ซามูเอล 17:4 - ยอดนักรบชื่อโกลิอัทจากเมืองกัทออกมาจากค่ายฟีลิสเตีย เขาสูง 6 ศอกกับ 1 ฝ่ามือ
- 1ซามูเอล 17:5 - เขาสวมหมวกเกราะทองสัมฤทธิ์และสวมเสื้อเกราะทองสัมฤทธิ์หนักประมาณ 57 กิโลกรัม
- 1ซามูเอล 17:6 - ใส่สนับแข้งทองสัมฤทธิ์ มีหอกทองสัมฤทธิ์คล้องอยู่ที่บ่า
- 1ซามูเอล 17:7 - ด้ามหอกเหมือนไม้กระพั่นทอผ้า ปลายหอกทำด้วยเหล็กหนักประมาณ 7 กิโลกรัม มีคนแบกโล่เดินนำหน้า
- 1ซามูเอล 17:8 - โกลิอัทยืนร้องท้าทหารอิสราเอลว่า “พวกเจ้าจะมาตั้งแถวสู้รบกันทำไม? ข้าก็เป็นฟีลิสเตีย ส่วนพวกเจ้าก็เป็นบริวารของซาอูลไม่ใช่หรือ? จงเลือกคนหนึ่งลงมาสู้กับข้า
- 1ซามูเอล 17:9 - ถ้าคนของเจ้าฆ่าข้าได้ พวกข้าจะยอมแพ้พวกเจ้า แต่ถ้าข้าชนะและฆ่าเขาได้ พวกเจ้าต้องยอมแพ้เป็นทาสรับใช้พวกข้า”
- 1ซามูเอล 17:10 - ชาวฟีลิสเตียคนนั้นพูดว่า “วันนี้ข้าขอท้ากองทัพอิสราเอล! ส่งคนมาสู้กับข้าสิ”
- 1ซามูเอล 17:11 - เมื่อซาอูลและชนอิสราเอลทั้งหมดได้ยินเช่นนี้ ก็พากันหวาดผวาและท้อแท้ใจ
- 1ซามูเอล 17:12 - ฝ่ายดาวิดเป็นบุตรเจสซีชาวถิ่นเอฟราธาห์จากเบธเลเฮมในเขตยูดาห์ เจสซีมีบุตรชายแปดคน เขาก็ชราและมีอายุมากแล้วในสมัยที่ซาอูลเป็นกษัตริย์
- 1ซามูเอล 17:13 - บุตรชายสามคนแรกของเจสซีที่ติดตามซาอูลไปรบมีดังนี้คือ เอลีอับบุตรหัวปี อาบีนาดับบุตรคนที่สอง และชัมมาห์บุตรคนที่สาม
- 1ซามูเอล 17:14 - ดาวิดเป็นบุตรคนสุดท้อง พี่ชายสามคนแรกติดตามซาอูลไป
- 1ซามูเอล 17:15 - ส่วนดาวิดไปๆ มาๆ ระหว่างซาอูลกับการเลี้ยงแกะของบิดาที่เบธเลเฮม
- 1ซามูเอล 17:16 - ชาวฟีลิสเตียคนนี้มายืนร้องท้าเป็นประจำทุกเช้าเย็นตลอดสี่สิบวัน
- 1ซามูเอล 17:17 - ฝ่ายเจสซีพูดกับดาวิดบุตรชายว่า “จงรีบเอาข้าวคั่วประมาณ 22 ลิตร กับขนมปังสิบก้อนนี้ไปให้พี่ชายของเจ้าที่ค่าย
- 1ซามูเอล 17:18 - เอาเนยแข็งสิบชิ้นนี้ไปให้ผู้บังคับกอง ของพี่ๆ ด้วย จงดูว่าพวกพี่เป็นอย่างไรกันบ้าง แล้วนำข่าว จากพวกเขากลับมาบอกเราด้วย
- โรม 3:5 - แต่จะว่าอย่างไรถ้าความอธรรมของเราทำให้ความชอบธรรมของพระเจ้าโดดเด่นชัดเจนยิ่งขึ้น? จะว่าพระเจ้าไม่ยุติธรรมหรือที่ทรงให้พระพิโรธลงมาเหนือเรา? (นี่ข้าพเจ้าโต้แย้งแบบมนุษย์)
- สดุดี 99:6 - โมเสสและอาโรนอยู่ในกลุ่มปุโรหิตของพระองค์ ซามูเอลเป็นคนหนึ่งในกลุ่มผู้ร้องทูลออกพระนามของพระองค์ พวกเขาร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ทรงตอบพวกเขา
- 1ซามูเอล 2:11 - แล้วเอลคานาห์ก็กลับบ้านที่รามาห์ ส่วนเด็กน้อยซามูเอลปรนนิบัติรับใช้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าภายใต้การดูแลของปุโรหิตเอลี
- ผู้วินิจฉัย 4:1 - หลังจากเอฮูดสิ้นชีวิตแล้ว ชนอิสราเอลทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าอีก
- ผู้วินิจฉัย 4:2 - องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงขายพวกเขาให้กษัตริย์ยาบินแห่งคานาอันผู้ปกครองในฮาโซร์ แม่ทัพของกษัตริย์ยาบินคือสิเสราซึ่งอาศัยอยู่ที่ฮาโรเชธฮาโกยิม
- ผู้วินิจฉัย 4:3 - อิสราเอลได้ร้องทูลขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยพวกเขาเพราะว่ากษัตริย์ยาบินมีรถรบเหล็กเก้าร้อยคัน และได้กดขี่ข่มเหงอิสราเอลอย่างโหดร้ายอยู่ถึงยี่สิบปี
- ผู้วินิจฉัย 4:4 - ผู้นำ ของอิสราเอลในครั้งนั้นคือ ผู้เผยพระวจนะหญิงเดโบราห์ภรรยาของลัปปิโดท
- ผู้วินิจฉัย 4:5 - นางเปิดศาลตัดสินอยู่ใต้ต้นอินทผลัมแห่งเดโบราห์ ซึ่งอยู่ระหว่างรามาห์กับเบธเอลในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม ชาวอิสราเอลพากันมาให้นางตัดสินข้อพิพาท
- ผู้วินิจฉัย 4:6 - เดโบราห์ส่งคนไปตามตัวบาราคบุตรอาบีโนอัมจากเคเดชในเขตนัฟทาลีมาพบ นางกล่าวกับบาราคว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงบัญชาท่านว่า ‘จงยกพลหนึ่งหมื่นคนจากเผ่านัฟทาลีกับเผ่าเศบูลุนไปยังภูเขาทาโบร์
- ผู้วินิจฉัย 4:7 - เราจะล่อสิเสราแม่ทัพของกษัตริย์ยาบินพร้อมด้วยรถม้าศึกและกองทหารของเขามาที่แม่น้ำคีโชน และมอบเขาไว้ในมือของเจ้า’ ”
- ผู้วินิจฉัย 4:8 - บาราคตอบว่า “ถ้าท่านไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไป แต่หากท่านไม่ไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไม่ไป”
- เยเรมีย์ 15:1 - แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ต่อให้โมเสสและซามูเอลมายืนวิงวอนเพื่อชนชาตินี้ต่อหน้าเรา เราก็จะไม่ใจอ่อนช่วยพวกเขา เอาพวกเขาออกไปให้พ้นหน้าเรา! ไปให้พ้น!
- 2เปโตร 3:2 - ข้าพเจ้าอยากให้ท่านระลึกถึงถ้อยคำที่เหล่าผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์กล่าวไว้ในอดีต และระลึกถึงพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเราที่ประทานผ่านทางเหล่าอัครทูต
- 1ซามูเอล 28:3 - ฝ่ายซามูเอลสิ้นชีวิตไปแล้ว และคนอิสราเอลทั้งปวงพากันไว้อาลัยให้เขา เขาถูกฝังไว้ที่รามาห์ซึ่งเป็นบ้านเกิด ซาอูลได้ทรงกำจัดคนทรงและหมอดูทั้งหมดไปจากแผ่นดิน
- 1ซามูเอล 28:4 - ชาวฟีลิสเตียรวมพลมาตั้งค่ายที่ชูเนม ส่วนซาอูลรวมพลอิสราเอลทั้งหมดและตั้งค่ายอยู่ที่กิลโบอา
- 1ซามูเอล 28:5 - เมื่อซาอูลทอดพระเนตรเห็นกองทัพฟีลิสเตียก็ทรงหวาดกลัวยิ่งนัก
- 1ซามูเอล 28:6 - และทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงตอบเลย ไม่ว่าทางความฝัน ทางอูริม หรือทางผู้เผยพระวจนะ
- 1ซามูเอล 28:7 - ซาอูลจึงตรัสสั่งมหาดเล็กว่า “จงไปตามหาหญิงคนทรงเพื่อเราจะได้ไปถามนาง” พวกเขากล่าวว่า “มีอยู่คนหนึ่งในเอนโดร์”
- 1ซามูเอล 28:8 - ซาอูลจึงปลอมพระองค์โดยสวมเสื้อผ้าของผู้อื่นไปที่บ้านของหญิงคนทรงในเวลากลางคืน มีผู้ติดตามสองคน ซาอูลตรัสว่า “เราอยากจะพูดกับวิญญาณผู้ตายคนหนึ่ง จงเรียกเขามาตามที่เราเอ่ยชื่อ”
- 1ซามูเอล 28:9 - แต่หญิงนั้นกล่าวว่า “ท่านย่อมทราบดีว่าซาอูลได้ทรงทำอะไร พระองค์ทรงกวาดล้างคนทรงกับหมอดูให้หมดแผ่นดิน ทำไมท่านจึงวางกับดักเพื่อฆ่าดิฉัน”
- 1ซามูเอล 28:10 - ซาอูลสาบานแก่นางโดยอ้างองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด เจ้าจะไม่ถูกลงโทษเพราะเรื่องนี้ฉันนั้น”
- 1ซามูเอล 28:11 - หญิงนั้นจึงถามว่า “จะให้เรียกใครขึ้นมา?” ซาอูลตรัสว่า “ให้เรียกซามูเอลขึ้นมา”
- 1ซามูเอล 28:12 - เมื่อหญิงนั้นเห็นซามูเอล ก็ร้องเสียงหลงและกล่าวกับซาอูลว่า “เหตุใดฝ่าพระบาทจึงทรงหลอกหม่อมฉัน? ฝ่าพระบาทคือซาอูล!”
- 1ซามูเอล 28:13 - กษัตริย์ตรัสว่า “อย่ากลัวไปเลย เจ้าเห็นอะไรบ้าง?” นางทูลว่า “หม่อมฉันเห็นวิญญาณดวงหนึ่ง ขึ้นมาจากแผ่นดิน”
- 1ซามูเอล 28:14 - ซาอูลตรัสถามว่า “หน้าตาท่าทางเป็นยังไง?” หญิงนั้นทูลว่า “ชายชราสวมเสื้อคลุมคนหนึ่งกำลังขึ้นมา” ซาอูลจึงทรงทราบว่าเป็นซามูเอล และหมอบกราบซบพระพักตร์ลงกับพื้น
- 1ซามูเอล 28:15 - ซามูเอลถามว่า “ทำไมท่านจึงมารบกวนและเรียกเรากลับมาอีก?” ซาอูลตรัสตอบว่า “ข้าพเจ้ากำลังเดือดร้อนมาก ชาวฟีลิสเตียรบกับข้าพเจ้าอยู่ และพระเจ้าทรงละทิ้งข้าพเจ้า พระองค์ไม่ทรงตอบเลย ไม่ว่าทางผู้เผยพระวจนะหรือความฝัน ข้าพเจ้าจึงเรียกท่านมาเพื่อถามว่าควรทำอย่างไร”
- 1ซามูเอล 28:16 - ซามูเอลกล่าวว่า “ทำไมจึงมาปรึกษาเรา ในเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหันพระพักตร์หนีและกลายเป็นศัตรูกับเจ้า?
- 1ซามูเอล 28:17 - องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงกระทำตามที่ได้พยากรณ์ตรัสไว้ผ่านทางเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงริบอาณาจักรจากมือของเจ้าและมอบให้ดาวิดเพื่อนบ้านของเจ้า
- 1ซามูเอล 28:18 - เนื่องจากเจ้าไม่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือสนองพระพิโรธของพระองค์ที่มีต่อชาวอามาเลข วันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงกระทำกับเจ้าเช่นนี้
- 1ซามูเอล 28:19 - องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงมอบทั้งเจ้าและอิสราเอลแก่ชาวฟีลิสเตีย พรุ่งนี้เจ้ากับลูกๆ จะมาอยู่กับเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงมอบกองทัพอิสราเอลแก่ฟีลิสเตียด้วย”
- 1ซามูเอล 28:20 - ซาอูลทรงล้มลงเหยียดยาวบนพื้นทันที รู้สึกตกพระทัยกลัวยิ่งนักเพราะถ้อยคำของซามูเอล ทั้งทรงหมดแรงเพราะความหิว เนื่องจากไม่ได้เสวยสิ่งใดเลยตลอดทั้งวันทั้งคืน
- 1ซามูเอล 28:21 - เมื่อหญิงนั้นเห็นว่าซาอูลหวาดวิตกยิ่งนัก จึงทูลว่า “ข้าแต่ฝ่าพระบาท หม่อมฉันหญิงรับใช้ได้ยอมเสี่ยงชีวิตทำตามพระดำรัส
- 1ซามูเอล 28:22 - บัดนี้โปรดทำตามคำของหม่อมฉันบ้าง และทรงอนุญาตให้หม่อมฉันนำอาหารมาให้เสวย เพื่อจะทรงมีกำลังขึ้น แล้วเดินทางกลับไปได้”
- 1ซามูเอล 28:23 - แต่พระองค์ปฏิเสธว่า “เราจะไม่กิน” ผู้ติดตามทั้งสองคนจึงสนับสนุนคำของหญิงนั้น และคะยั้นคะยอจนในที่สุดซาอูลก็ยอมเสด็จขึ้นประทับบนเตียง
- 1ซามูเอล 28:24 - หญิงนั้นมีลูกวัวขุนตัวหนึ่ง ก็ออกไปฆ่าเพื่อนำมาปรุงอาหาร และนวดแป้งอบขนมปังไม่ใส่เชื้อ
- 1ซามูเอล 28:25 - นางนำอาหารมาถวายแด่กษัตริย์และให้แก่ผู้ติดตามรับประทาน ในคืนนั้นเองพวกเขาก็เดินทางจากไป
- 1ซามูเอล 2:18 - ฝ่ายซามูเอลรับใช้อยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเด็กชายสวมเอโฟดลินิน
- ลูกา 16:31 - “อับราฮัมกล่าวกับเขาว่า ‘ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสสกับเหล่าผู้เผยพระวจนะ ต่อให้ใครเป็นขึ้นจากตาย เขาก็จะไม่ยอมเชื่อ’ ”
- ยากอบ 5:10 - พี่น้องทั้งหลายจงยึดถือเหล่าผู้เผยพระวจนะในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นแบบอย่างในการอดทนเมื่อเผชิญความทุกข์ยาก
- ลูกา 13:28 - “ที่นั่นจะมีการร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เมื่อท่านเห็นอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ กับผู้เผยพระวจนะทั้งปวงในอาณาจักรของพระเจ้า แต่ตัวท่านเองถูกโยนออกมา
- ยอห์น 21:25 - พระเยซูได้ทรงกระทำสิ่งอื่นๆ อีกมากมายหลายอย่าง ถ้าจะเขียนไว้ทั้งหมดข้าพเจ้าคิดว่าแม้โลกทั้งโลกก็ไม่มีที่พอสำหรับหนังสือที่จะเขียนขึ้นนั้น
- ผู้วินิจฉัย 13:24 - นางได้คลอดบุตรชายและตั้งชื่อว่าแซมสัน เด็กนั้นเติบโตขึ้น และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรเขา
- 1ซามูเอล 3:1 - เด็กน้อยซามูเอลปรนนิบัติรับใช้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าภายใต้การดูแลของเอลี ในสมัยนั้นนานๆ ครั้งจึงจะมีนิมิตหรือพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
- 1ซามูเอล 3:2 - ส่วนเอลีตามัวจนมองอะไรแทบไม่เห็นเพราะชรามาก คืนหนึ่งหลังจากที่เอลีเข้านอนแล้ว
- 1ซามูเอล 3:3 - ซามูเอลหลับอยู่ในพระวิหาร ขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งหีบพันธสัญญาตั้งอยู่ ดวงประทีปของพระเจ้ายังไม่ดับ
- 1ซามูเอล 3:4 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรียกซามูเอล ซามูเอลตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่”
- 1ซามูเอล 3:5 - เขาวิ่งไปหาเอลีและกล่าวว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ท่านเรียกข้าพเจ้าหรือ?” เอลีตอบว่า “เราไม่ได้เรียก กลับไปนอนเถอะ” ซามูเอลก็ไปนอน
- 1ซามูเอล 3:6 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรียกอีกว่า “ซามูเอล!” ซามูเอลก็ลุกขึ้นวิ่งไปหาเอลีและพูดว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ท่านเรียกข้าพเจ้าหรือ?” เอลีกล่าวว่า “เปล่าเลยลูก เราไม่ได้เรียก กลับไปนอนเถอะ”
- 1ซามูเอล 3:7 - ซามูเอลยังไม่รู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่เคยได้รับพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาก่อน
- 1ซามูเอล 3:8 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรียกซามูเอลเป็นครั้งที่สาม ซามูเอลก็ลุกขึ้นวิ่งไปหาเอลีและกล่าวว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ท่านเรียกข้าพเจ้าหรือ?” เอลีจึงตระหนักว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังตรัสเรียกซามูเอล
- 1ซามูเอล 3:9 - ดังนั้นเอลีจึงบอกซามูเอลว่า “ไปนอนเถอะ และถ้าพระองค์ตรัสเรียก ก็จงทูลว่า ‘ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดตรัสเถิด ผู้รับใช้ของพระองค์คอยฟังอยู่’ ” ดังนั้นซามูเอลจึงกลับไปนอนในที่ของเขา
- 1ซามูเอล 3:10 - แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาประทับยืนที่นั่นและตรัสเรียกเช่นครั้งก่อนว่า “ซามูเอล! ซามูเอล!” ซามูเอลตอบว่า “พระเจ้าข้า โปรดตรัสเถิด ผู้รับใช้ของพระองค์คอยฟังอยู่”
- 1ซามูเอล 3:11 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า “ดูเถิด เราจะกระทำบางสิ่งในอิสราเอลซึ่งทำให้ทุกคนที่ได้ยินถึงกับขนลุกขนพอง
- 1ซามูเอล 3:12 - ในเวลานั้นเราจะกระทำทุกอย่างแก่เอลีตามที่เราได้ลั่นวาจาไว้เกี่ยวกับครอบครัวของเขา ตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุด
- กิจการของอัครทูต 10:43 - ผู้เผยพระวจนะทั้งปวงล้วนยืนยันเกี่ยวกับพระองค์ว่า ทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะได้รับการอภัยบาปโดยทางพระนามของพระองค์”
- 2เปโตร 1:21 - เพราะคำของผู้เผยพระวจนะนั้นไม่เคยเกิดจากเจตจำนงของมนุษย์ แต่มนุษย์กล่าวถ้อยคำซึ่งมาจากพระเจ้าตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดลใจเขา
- กิจการของอัครทูต 13:20 - เหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในช่วง 450 ปี “หลังจากนั้นพระเจ้าได้ประทานเหล่าผู้วินิจฉัยให้เขาจนถึงสมัยของผู้เผยพระวจนะซามูเอล
- 1เปโตร 1:10 - บรรดาผู้เผยพระวจนะผู้ได้กล่าวถึงพระคุณที่จะมีมาถึงท่านนั้น ได้ตั้งใจสืบเสาะค้นหาอย่างถี่ถ้วนที่สุดเกี่ยวกับความรอดนี้
- 1เปโตร 1:11 - พวกเขาพยายามพิเคราะห์ดูว่าสิ่งที่พระวิญญาณของพระคริสต์ในพวกเขาได้บ่งชี้ไว้นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใดและจะเกิดขึ้นอย่างไร เมื่อพระองค์ได้ทำนายถึงการทนทุกข์ของพระคริสต์และบรรดาพระเกียรติสิริที่จะตามมา
- 1เปโตร 1:12 - พวกเขาได้รับการสำแดงว่าสิ่งต่างๆ ที่ได้พยากรณ์ถึงนั้นไม่ใช่เพื่อพวกเขาเอง แต่เพื่อพวกท่าน บัดนี้บรรดาผู้ประกาศข่าวประเสริฐได้แจ้งสิ่งต่างๆ เหล่านี้แก่ท่านแล้วโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งส่งมาจากสวรรค์ แม้แต่ทูตสวรรค์ยังปรารถนาจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้
- โรม 4:1 - แล้วเราจะว่าอย่างไรเกี่ยวกับอับราฮัมบรรพบุรุษของเราในเรื่องนี้?
- กิจการของอัครทูต 2:29 - “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าบอกท่านได้อย่างมั่นใจว่าดาวิดบรรพบุรุษของเราสิ้นชีพและถูกฝังไปแล้ว สุสานของเขาก็อยู่ที่นี่ตราบจนทุกวันนี้
- กิจการของอัครทูต 2:30 - แต่เขาเป็นผู้เผยพระวจนะและรู้ว่าพระเจ้าทรงสัญญากับเขาด้วยคำปฏิญาณว่าพระองค์จะทรงตั้งผู้หนึ่งในวงศ์วานของเขาให้ขึ้นครองบัลลังก์ของเขา
- กิจการของอัครทูต 2:31 - เขาทราบล่วงหน้าจึงได้กล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ ว่า พระเจ้าจะไม่ทรงทิ้งพระองค์ไว้ในหลุมฝังศพ ทั้งไม่ให้กายของพระองค์ต้องเน่าเปื่อย
- กิจการของอัครทูต 3:24 - “อันที่จริง ผู้เผยพระวจนะทั้งปวงตั้งแต่ซามูเอลมาล้วนพยากรณ์ถึงวันเวลาเหล่านี้
- โรม 7:7 - เช่นนี้แล้วเราจะว่าอย่างไร? บทบัญญัติคือบาปหรือ? ไม่ใช่อย่างแน่นอน! อันที่จริงถ้าไม่ใช่เพราะบทบัญญัติ ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าอะไรคือบาป เพราะถ้าบทบัญญัติไม่ได้กล่าวว่า “อย่าโลภ” ข้าพเจ้าคงไม่รู้ว่าอะไรคือความโลภ
- ผู้วินิจฉัย 13:1 - อิสราเอลหวนกลับไปทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าอีก องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงมอบเขาไว้ในมือของชาวฟีลิสเตียเป็นเวลาสี่สิบปี
- ผู้วินิจฉัย 13:2 - ชายคนหนึ่งในโศราห์ชื่อมาโนอาห์จากเผ่าดาน ภรรยาของเขาเป็นหมันและจึงไม่สามารถมีลูก
- ผู้วินิจฉัย 13:3 - ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏและกล่าวกับนางว่า “เจ้าเป็นหมันแต่เจ้ากำลังจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย
- ผู้วินิจฉัย 13:4 - จงอย่าดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมา และอย่ากินสิ่งใดที่เป็นมลทิน
- ผู้วินิจฉัย 13:5 - เพราะเจ้าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย อย่าให้บุตรชายของเจ้าตัดผมเลย เพราะเขาจะเป็นนาศีร์แยกไว้เพื่อพระเจ้าตั้งแต่แรกเกิด เขาจะเป็นผู้ริเริ่มกอบกู้อิสราเอลจากเงื้อมมือชาวฟีลิสเตีย”
- ผู้วินิจฉัย 13:6 - หญิงนั้นวิ่งไปบอกสามีว่า “คนของพระเจ้ามาปรากฏแก่ข้าพเจ้า ดูเหมือนเขาจะเป็นทูตของพระเจ้า น่าเกรงขามมาก ข้าพเจ้าไม่ได้ถามว่าเขามาจากไหน และเขาก็ไม่ได้บอกชื่อของเขา
- ผู้วินิจฉัย 13:7 - แต่เขาบอกข้าพเจ้าว่า ‘เจ้าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย ตั้งแต่นี้ไปเจ้าต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมาและไม่กินสิ่งใดที่เป็นมลทิน เพราะว่าเด็กนั้นจะเป็นนาศีร์ของพระเจ้าตั้งแต่เกิดจวบจนวันตาย’ ”
- ผู้วินิจฉัย 13:8 - มาโนอาห์จึงอธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงโปรดอนุญาตให้คนของพระเจ้าที่ทรงส่งมานั้นกลับมาอีกครั้ง เพื่อสอนข้าพระองค์ทั้งสองในการเลี้ยงดูลูกที่จะเกิดมานั้น”
- ผู้วินิจฉัย 13:9 - พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของมาโนอาห์ ทูตของพระเจ้ามาปรากฏแก่ภรรยาของเขาอีกครั้งขณะที่นางอยู่กลางทุ่ง แต่มาโนอาห์ไม่ได้อยู่กับนาง
- ผู้วินิจฉัย 13:10 - นางจึงรีบไปบอกสามีว่า “ชายคนเดิมที่ปรากฏแก่ฉันเมื่อวันก่อนมาที่นี่อีกแล้ว!”
- ผู้วินิจฉัย 13:11 - มาโนอาห์จึงลุกตามภรรยาไป เมื่อเขาพบชายคนนั้นแล้วก็ถามว่า “ท่านเป็นคนเดียวกับที่พูดกับภรรยาของข้าพเจ้าเมื่อวันก่อนหรือ?” ผู้นั้นตอบว่า “ใช่”
- ผู้วินิจฉัย 13:12 - ดังนั้นมาโนอาห์จึงถามว่า “เมื่อคำพูดของท่านเป็นจริงแล้ว มีกฎเกณฑ์อะไรบ้างในชีวิตและในการงานของเด็กนั้น?”
- ผู้วินิจฉัย 13:13 - ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าตอบว่า “ภรรยาของเจ้าต้องปฏิบัติตามที่เราสั่งไว้ทุกอย่าง
- ผู้วินิจฉัย 13:14 - นางต้องไม่กินสิ่งที่ทำจากองุ่น ต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมา หรือกินสิ่งใดที่เป็นมลทิน นางต้องทำตามที่เราสั่งไว้ทุกประการ”
- ผู้วินิจฉัย 13:15 - มาโนอาห์จึงกล่าวกับทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โปรดพักอยู่ที่นี่ก่อน เราจะไปปรุงลูกแพะมาให้ท่าน”
- ผู้วินิจฉัย 13:16 - ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าตอบว่า “แม้เจ้าจะหน่วงเหนี่ยวเราไว้ เราก็จะไม่กินอาหารใดๆ ของเจ้า แต่หากเจ้าจัดเตรียมเครื่องเผาบูชา จงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด” (มาโนอาห์ยังไม่ตระหนักว่าผู้นั้นคือทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้า)
- ผู้วินิจฉัย 11:1 - เยฟธาห์ชาวกิเลอาดเป็นนักรบเกรียงไกร บิดาของเขาคือกิเลอาด แต่มารดาของเขาเป็นหญิงโสเภณีคนหนึ่ง
- ผู้วินิจฉัย 11:2 - ภรรยาของกิเลอาดมีบุตรชายหลายคน และเมื่อพวกเขาโตขึ้นก็ขับไล่ไสส่งเยฟธาห์ พวกเขากล่าวว่า “เจ้าจะไม่ได้กรรมสิทธิ์ใดๆ ในครอบครัวของเรา เพราะเจ้าเป็นลูกของหญิงอื่น”
- ผู้วินิจฉัย 11:3 - ดังนั้นเยฟธาห์จึงหนีพี่น้องไปตั้งถิ่นฐานในแผ่นดินโทบ ซึ่งมีพวกนักเลงมาเข้าเป็นสมัครพรรคพวก
- ผู้วินิจฉัย 11:4 - ต่อมาเมื่อชาวอัมโมนรบกับอิสราเอล
- ผู้วินิจฉัย 11:5 - บรรดาผู้อาวุโสของกิเลอาดไปตามตัวเยฟธาห์มาจากแผ่นดินโทบ
- ผู้วินิจฉัย 11:6 - พวกเขากล่าวว่า “ขอเชิญมาเป็นแม่ทัพของเรา เพื่อเราจะสู้รบกับชาวอัมโมนได้”
- ผู้วินิจฉัย 11:7 - เยฟธาห์กล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านเกลียดข้าพเจ้าและไล่ข้าพเจ้าออกมาจากบ้านบิดาไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้เดือดร้อนก็มาหาข้าพเจ้า?”
- ผู้วินิจฉัย 11:8 - เหล่าผู้อาวุโสของกิเลอาดตอบเขาว่า “ถึงอย่างไรตอนนี้เราก็กลับมาหาท่านแล้ว ไปสู้พวกอัมโมนร่วมกับเราเถิด แล้วท่านจะได้เป็นหัวหน้าของพวกเราทั้งหมดในกิเลอาด”
- ผู้วินิจฉัย 11:9 - เยฟธาห์ตอบว่า “หากท่านพาข้าพเจ้ากลับไปสู้ชาวอัมโมน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบพวกเขาแก่ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะได้เป็นหัวหน้าของพวกท่านแน่หรือ?”
- ผู้วินิจฉัย 11:10 - เหล่าผู้อาวุโสของกิเลอาดตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพยาน เราจะทำตามที่ท่านพูดแน่นอน”
- ผู้วินิจฉัย 11:11 - ดังนั้นเยฟธาห์จึงไปกับพวกเขา และประชาชนก็ตั้งเขาให้เป็นหัวหน้าและแม่ทัพของพวกเขา แล้วเยฟธาห์จึงย้ำทุกถ้อยคำที่พูดกับเหล่าผู้อาวุโสของกิเลอาดต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าที่มิสปาห์
- ผู้วินิจฉัย 11:12 - แล้วเยฟธาห์ส่งผู้สื่อสารไปพบกษัตริย์อัมโมนและถามว่า “ท่านขัดแย้งอะไรกับเราหรือ จึงมาโจมตีประเทศของเรา?”
- 1ซามูเอล 1:20 - เมื่อถึงวาระกำหนดฮันนาห์ก็ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย นางตั้งชื่อให้ว่าซามูเอล ตามที่นางกล่าวว่า “เพราะดิฉันทูลขอเขาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า”
- 1ซามูเอล 16:1 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า “เจ้าจะคร่ำครวญเรื่องที่เราถอดซาอูลออกจากตำแหน่งกษัตริย์อิสราเอลไปอีกนานเท่าใด บัดนี้จงเติมน้ำมันให้เต็มเขาสัตว์และออกเดินทาง เราจะส่งเจ้าไปพบเจสซีแห่งเบธเลเฮม เราได้เลือกบุตรชายคนหนึ่งของเขาให้เป็นกษัตริย์”
- 1ซามูเอล 16:13 - ซามูเอลจึงหยิบเขาสัตว์บรรจุน้ำมันเจิมดาวิดต่อหน้าพี่ๆ และพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จลงมาสวมทับดาวิดด้วยฤทธานุภาพตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แล้วซามูเอลก็กลับไปที่รามาห์