逐节对照
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - เบนยามินฉีกเนื้อกินอย่างสุนัขป่า เขาเขมือบเหยื่อในยามเช้า และแบ่งปันสิ่งที่ชิงมาได้ในยามเย็น”
- 新标点和合本 - “便雅悯是个撕掠的狼, 早晨要吃他所抓的, 晚上要分他所夺的。”
- 和合本2010(上帝版-简体) - 便雅悯是只抓撕掠物的狼, 早晨要吃他的猎物, 晚上要分他的掳物。”
- 和合本2010(神版-简体) - 便雅悯是只抓撕掠物的狼, 早晨要吃他的猎物, 晚上要分他的掳物。”
- 当代译本 - “便雅悯是匹贪婪的狼, 早晨吞吃猎物, 晚上瓜分战利品。”
- 圣经新译本 - 便雅悯是只撕掠的豺狼, 早晨吞吃他的猎物, 晚上瓜分他的掳物。”
- 中文标准译本 - 便雅悯是撕掠的狼, 早晨吞噬他的猎物, 晚上瓜分他的掠物。”
- 现代标点和合本 - 便雅悯是个撕掠的狼, 早晨要吃他所抓的, 晚上要分他所夺的。”
- 和合本(拼音版) - “便雅悯是个撕掠的狼, 早晨要吃他所抓的, 晚上要分他所夺的。”
- New International Version - “Benjamin is a ravenous wolf; in the morning he devours the prey, in the evening he divides the plunder.”
- New International Reader's Version - “Benjamin is a hungry wolf. In the morning he eats what he has killed. In the evening he shares what he has stolen.”
- English Standard Version - “Benjamin is a ravenous wolf, in the morning devouring the prey and at evening dividing the spoil.”
- New Living Translation - “Benjamin is a ravenous wolf, devouring his enemies in the morning and dividing his plunder in the evening.”
- The Message - Benjamin is a ravenous wolf; all morning he gorges on his kill, at evening divides up what’s left over.
- Christian Standard Bible - Benjamin is a wolf; he tears his prey. In the morning he devours the prey, and in the evening he divides the plunder.”
- New American Standard Bible - “Benjamin is a ravenous wolf; In the morning he devours the prey, And in the evening he divides the spoils.”
- New King James Version - “Benjamin is a ravenous wolf; In the morning he shall devour the prey, And at night he shall divide the spoil.”
- Amplified Bible - “Benjamin is a ravenous wolf; In the morning he devours the prey, And at night he divides the spoil.”
- American Standard Version - Benjamin is a wolf that raveneth: In the morning he shall devour the prey, And at even he shall divide the spoil.
- King James Version - Benjamin shall ravin as a wolf: in the morning he shall devour the prey, and at night he shall divide the spoil.
- New English Translation - Benjamin is a ravenous wolf; in the morning devouring the prey, and in the evening dividing the plunder.”
- World English Bible - “Benjamin is a ravenous wolf. In the morning he will devour the prey. At evening he will divide the plunder.”
- 新標點和合本 - 便雅憫是個撕掠的狼, 早晨要吃他所抓的, 晚上要分他所奪的。」
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 便雅憫是隻抓撕掠物的狼, 早晨要吃他的獵物, 晚上要分他的擄物。」
- 和合本2010(神版-繁體) - 便雅憫是隻抓撕掠物的狼, 早晨要吃他的獵物, 晚上要分他的擄物。」
- 當代譯本 - 「便雅憫是匹貪婪的狼, 早晨吞吃獵物, 晚上瓜分戰利品。」
- 聖經新譯本 - 便雅憫是隻撕掠的豺狼, 早晨吞吃他的獵物, 晚上瓜分他的擄物。”
- 呂振中譯本 - 便雅憫 是肆行抓掠的豺狼, 早晨喫所掠奪的, 晚上分所擄獲的。』
- 中文標準譯本 - 便雅憫是撕掠的狼, 早晨吞噬他的獵物, 晚上瓜分他的掠物。」
- 現代標點和合本 - 便雅憫是個撕掠的狼, 早晨要吃他所抓的, 晚上要分他所奪的。」
- 文理和合譯本 - 便雅憫如攫物之狼、朝吞所獲、夕分所奪、○
- 文理委辦譯本 - 便雅憫如狼、斷傷牲畜、朝吞所獲、夕分所得。○
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 便雅憫 如狼攫物、朝吞所獲、夕分所奪、○
- Nueva Versión Internacional - »Benjamín es un lobo rapaz que en la mañana devora la presa y en la tarde reparte los despojos».
- 현대인의 성경 - “베냐민은 사나운 이리와 같아서 아침에는 원수를 삼키고 저녁에는 그 약탈물을 나누리라.”
- Новый Русский Перевод - Вениамин – прожорливый волк; утром он пожирает добычу, вечером делит награбленное добро.
- Восточный перевод - Вениамин – прожорливый волк; утром он пожирает добычу, вечером делит награбленное добро.
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Вениамин – прожорливый волк; утром он пожирает добычу, вечером делит награбленное добро.
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - Вениамин – прожорливый волк; утром он пожирает добычу, вечером делит награбленное добро.
- La Bible du Semeur 2015 - Benjamin est semblable ╵à un loup qui déchire. Dès le matin, ╵il dévore sa proie, et sur le soir encore, ╵répartit le butin.
- リビングバイブル - ベニヤミンはほえたける狼だ。明け方には敵を食い荒らし、夕べには戦利品を分け合う。」
- Nova Versão Internacional - “Benjamim é um lobo predador; pela manhã devora a presa e à tarde divide o despojo”.
- Hoffnung für alle - Benjamin gleicht einem reißenden Wolf, der morgens seine Feinde verschlingt und abends seine Beute teilt.«
- Kinh Thánh Hiện Đại - Bên-gia-min là chó sói săn mồi, buổi sáng con tiêu diệt kẻ thù, đến chiều phân chia chiến lợi phẩm.”
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - “เบนยามินเป็นสุนัขป่าที่หิวโซ ในตอนเช้าเขาขย้ำเหยื่อ ในตอนเย็นเขาแบ่งของที่ยึดมาได้”
交叉引用
- เอเสเคียล 22:25 - บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองมีแผนการร้ายดั่งสิงโตขู่คำรามและฉีกเหยื่อ กัดกินประชาชน พวกเขาริบสมบัติและของมีค่าต่างๆ และทำให้ผู้หญิงในเมืองจำนวนมากเป็นม่าย
- 1 ซามูเอล 11:4 - เมื่อบรรดาผู้ส่งข่าวมายังกิเบอาห์เมืองของซาอูล และรายงานข้อตกลงกับประชาชน ทุกคนจึงส่งเสียงร้องไห้
- 1 ซามูเอล 11:5 - พอดีกับเวลาที่ซาอูลกำลังต้อนฝูงโคกลับมาจากทุ่ง ท่านถามว่า “ประชาชนเป็นอะไรไป ทำไมจึงร้องไห้กัน” พวกเขาจึงบอกให้ท่านฟังเรื่องพวกผู้ชายของยาเบช
- 1 ซามูเอล 11:6 - ครั้นซาอูลได้ยินเรื่อง ท่านก็เปี่ยมด้วยอานุภาพแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า และท่านโกรธมาก
- 1 ซามูเอล 11:7 - ท่านเอาโคคู่หนึ่งมาตัดออกเป็นท่อนๆ และใช้ผู้ส่งข่าวส่งไปให้ทั่วอิสราเอล พร้อมกับประกาศว่า “จะเกิดเรื่องแบบนี้กับฝูงโคของทุกคนที่ไม่ติดตามซาอูลและซามูเอล” และประชาชนก็เกิดหวาดกลัวพระผู้เป็นเจ้า และต่างก็ร่วมใจกันออกมา
- 1 ซามูเอล 11:8 - เมื่อซาอูลตรวจพลที่เบเซก นับจำนวนชายชาวอิสราเอลได้ 300,000 คน และชายชาวยูดาห์ 30,000 คน
- 1 ซามูเอล 11:9 - พวกเขาบอกผู้ส่งข่าวที่มาว่า “จงไปบอกพวกผู้ชายของยาเบชกิเลอาดว่า ‘พรุ่งนี้ก่อนเที่ยงวัน จะมีคนมาช่วยชีวิตพวกท่าน’” เมื่อบรรดาผู้ส่งข่าวไปรายงานเรื่องนี้แก่พวกผู้ชายของยาเบช พวกเขาก็ยินดียิ่งนัก
- 1 ซามูเอล 11:10 - พวกเขาบอกชาวอัมโมนว่า “พรุ่งนี้พวกเราจะยอมจำนนต่อท่าน และท่านจะทำอย่างไรกับเราก็ได้ตามที่ท่านเห็นว่าสมควร”
- 1 ซามูเอล 11:11 - วันรุ่งขึ้นซาอูลแบ่งพลของท่านออกเป็น 3 กอง ช่วงเวลาก่อนฟ้าสาง พวกเขาบุกเข้าไปในค่ายของชาวอัมโมน และฆ่าฟันพวกเขาจนกระทั่งเที่ยงวัน พวกที่มีชีวิตรอดต่างหนีเตลิดเปิดเปิง ตัวใครตัวมัน
- เฉลยธรรมบัญญัติ 33:12 - ท่านกล่าวถึงเผ่าเบนยามินว่า “ขอให้ผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้าอาศัยอยู่เคียงข้างพระองค์อย่างปลอดภัย พระองค์ปกป้องเขาในทุกยาม และให้เขาอยู่ในอ้อมอกของพระองค์”
- เศฟันยาห์ 3:3 - บรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ในเมือง ก็คือพวกสิงโตคำราม บรรดาผู้ปกครองเมืองคือสุนัขป่าในยามค่ำ ซึ่งไม่มีอะไรเหลือทิ้งไว้สำหรับเวลาเช้า
- โฮเชยา 13:7 - ดังนั้น เราจะเข้าถึงตัวพวกเขาอย่างสิงห์ เราจะคอยซุ่มที่ข้างทางอย่างเสือดาว
- โฮเชยา 13:8 - เราจะกระโจนใส่พวกเขาอย่างแม่หมีที่ลูกหมีถูกขโมย เราจะฉีกอกพวกเขา เราจะเขมือบกินพวกเขาอย่างสิงห์ เหมือนสัตว์ป่าที่ฉีกพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ
- ผู้วินิจฉัย 3:15 - ครั้นแล้วชาวอิสราเอลร้องทุกข์ต่อพระผู้เป็นเจ้า และพระผู้เป็นเจ้าก็กำหนดผู้ช่วยให้พ้นภัยผู้หนึ่งให้กับพวกเขา เขาคือเอฮูดบุตรของเก-ราชาวเบนยามิน เป็นคนถนัดมือซ้าย ชาวอิสราเอลส่งของกำนัลไปกับเขาเพื่อมอบให้เอกโลนกษัตริย์แห่งโมอับ
- ผู้วินิจฉัย 3:16 - เอฮูดทำดาบสองคมเล่มหนึ่งยาวประมาณ 1 ศอก และสะพายไว้ใต้เสื้อที่ต้นขาขวา
- ผู้วินิจฉัย 3:17 - เขามอบของกำนัลแก่เอกโลนกษัตริย์แห่งโมอับซึ่งเป็นคนอ้วนมาก
- ผู้วินิจฉัย 3:18 - เมื่อเอฮูดมอบของกำนัลเรียบร้อยแล้ว เขาก็ส่งคนที่ขนของกำนัลมาให้กลับไปก่อน
- ผู้วินิจฉัย 3:19 - ส่วนเขาเองย้อนกลับมายังรูปเคารพที่อยู่ใกล้กิลกาลเขากล่าวว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพเจ้ามีข่าวลับจะแจ้งให้ท่านทราบ” กษัตริย์ออกคำสั่งว่า “เงียบก่อน” และบรรดาผู้รับใช้ทุกคนก็ออกไปจากห้อง
- ผู้วินิจฉัย 3:20 - เอฮูดจึงเข้าไปหากษัตริย์ที่กำลังนั่งอยู่เพียงลำพังในห้องเย็นใต้หลังคา เอฮูดพูดว่า “ข้าพเจ้ามีข่าวสารจากพระเจ้าถึงท่าน” ท่านจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง
- ผู้วินิจฉัย 3:21 - แล้วเอฮูดใช้มือซ้ายเอื้อมเอาดาบจากต้นขาขวาแทงเข้าที่หน้าท้องของกษัตริย์
- ผู้วินิจฉัย 3:22 - ด้ามดาบเลื่อนตามเข้าไปด้วย ไขมันหุ้มดาบไว้ เพราะเขาไม่ได้ดึงดาบออกจากหน้าท้อง และไส้ก็ไหลออกมา
- ผู้วินิจฉัย 3:23 - ครั้นแล้วเอฮูดก็ออกไปที่เฉลียง ปิดประตูห้องใต้หลังคาและลั่นกุญแจไว้
- ผู้วินิจฉัย 3:24 - เมื่อเอฮูดไปแล้ว พวกผู้รับใช้มา เมื่อเห็นว่าประตูห้องใต้หลังคาถูกลั่นกุญแจไว้ ก็คิดกันว่า “ท่านคงต้องอยู่ในห้องสุขาที่ห้องเย็นอย่างแน่นอน”
- ผู้วินิจฉัย 3:25 - เมื่อพวกเขารออยู่เป็นนานจนรู้สึกเอะใจ แต่ในเมื่อเขายังไม่เปิดประตูห้องใต้หลังคา พวกเขาจึงเปิดกุญแจประตู จึงพบว่าเจ้านายของพวกเขานอนสิ้นชีวิตอยู่บนพื้น
- ผู้วินิจฉัย 3:26 - เอฮูดหนีไปได้ขณะที่เขาเหล่านั้นยังชักช้าอยู่ เขาหนีเลยเขตที่มีรูปเคารพข้ามไปเสอีราห์
- ผู้วินิจฉัย 3:27 - เมื่อเขามาถึงที่หมาย เขาก็เป่าแตรงอน ในแถบภูเขาแห่งเอฟราอิม แล้วชาวอิสราเอลจึงลงจากแถบภูเขาไปกับเขา ยกให้เขาเป็นผู้นำของพวกเขา
- ผู้วินิจฉัย 3:28 - เขากล่าวกับพวกเขาว่า “ติดตามเรามาเถิด เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้มอบศัตรูของท่านคือชาวโมอับไว้ในมือท่านแล้ว” ดังนั้น พวกเขาจึงติดตามเขาลงไป และยึดเขตลำน้ำจอร์แดนตื้นๆ ที่สามารถลุยข้ามไปยังถิ่นโมอับ และไม่อนุญาตให้ใครข้ามไป
- ผู้วินิจฉัย 3:29 - ครั้งนั้นพวกเขาได้ฆ่าชาวโมอับประมาณ 10,000 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นชายฉกรรจ์ที่บึกบึน ไม่มีใครรอดชีวิตไปได้เลย
- กันดารวิถี 23:24 - ชนชาตินั้นผุดลุกเยี่ยงสิงโตตัวเมีย และผงาดขึ้นเยี่ยงสิงโต ซึ่งจะไม่มีวันหมอบลงพักจนกว่าจะได้ขม้ำเหยื่อ และดื่มเลือดของเหยื่อที่ล่าได้เสียก่อน”
- เยเรมีย์ 5:6 - ฉะนั้น สิงโตจากป่าตัวหนึ่งจะฆ่าพวกเขา สุนัขป่าจากทะเลทรายตัวหนึ่งจะฉีกร่างของพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ เสือดาวตัวหนึ่งคอยจับจ้องเมืองของพวกเขา ทุกคนที่ฝ่าออกไปจะถูกฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ เพราะพวกเขาล่วงละเมิดหลายประการ และหันเหไปจากพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า
- ปฐมกาล 46:21 - เบนยามินมีบุตรชื่อ เบ-ลา เบเคอร์ อัชเบล เก-รา นาอามาน เอไฮ โรช มุปปิม หุปปิม และอาร์ด
- มัทธิว 7:15 - จงระวังบรรดาผู้เผยคำกล่าวจอมปลอมซึ่งสวมรอยเป็นลูกแกะ แต่แท้จริงแล้วคือสุนัขป่าร้ายกาจ
- ฟีลิปปี 3:5 - ข้าพเจ้าเข้าสุหนัตวันที่แปดหลังจากเกิด เป็นชนชาติอิสราเอล เกิดในเผ่าเบนยามิน เป็นชาวฮีบรูโดยเนื้อแท้ ในเรื่องของการถือกฎบัญญัติแล้ว ข้าพเจ้าอยู่ในพรรคฟาริสี
- 1 ซามูเอล 17:1 - ชาวฟีลิสเตียได้รวบรวมกองทหารเพื่อทำสงคราม และประชุมกันที่โสโคห์ซึ่งอยู่ในเขตยูดาห์ ตั้งค่ายอยู่ระหว่างโสโคห์และอาเซคาห์ที่เอเฟสดัมมิม
- 1 ซามูเอล 17:2 - ซาอูลและบรรดาชายชาวอิสราเอลประชุมกัน และตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเอลาห์ และยืนแถวในแนวรบกับชาวฟีลิสเตีย
- 1 ซามูเอล 17:3 - ชาวฟีลิสเตียยืนอยู่ทางฟากหนึ่งของภูเขา และชาวอิสราเอลยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง มีหุบเขากั้นระหว่าง 2 ฝ่าย
- 1 ซามูเอล 17:4 - ผู้ต่อสู้ตัวเอกแห่งเมืองกัทคนหนึ่งสูง 6 ศอก ชื่อโกลิอัท ออกมาจากค่ายของชาวฟีลิสเตีย
- 1 ซามูเอล 17:5 - เขามีหมวกทองสัมฤทธิ์สวมศีรษะ สวมเสื้อเกราะป้องกันตัว เสื้อเป็นทองสัมฤทธิ์หนัก 5,000 เชเขล
- 1 ซามูเอล 17:6 - และมีเกราะทองสัมฤทธิ์ป้องกันขา และมีหอกซัดทองสัมฤทธิ์ผูกไว้บนหลังของเขา
- 1 ซามูเอล 17:7 - ด้ามแหลนของเขาเหมือนไม้กระพั่นของคนทอผ้า ปลายแหลนเป็นเหล็กหนัก 600 เชเขล และคนแบกโล่เดินล่วงหน้าเขาไป
- 1 ซามูเอล 17:8 - โกลิอัทยืนตะโกนบอกชาวอิสราเอลที่ยืนแถวในแนวรบว่า “ทำไมพวกเจ้าออกมายืนแถวเตรียมรบเล่า ข้าไม่ใช่ชาวฟีลิสเตียหรือ และเจ้าเป็นคนรับใช้ของซาอูลมิใช่หรือ จงเลือกชายคนใดคนหนึ่งออกมา ให้เขาลงมาหาข้า
- 1 ซามูเอล 17:9 - ถ้าเขาสามารถสู้และฆ่าข้าได้ พวกเราก็จะเป็นคนรับใช้ของพวกเจ้า แต่ถ้าข้าสู้ชนะและฆ่าเขาตาย พวกเจ้าก็จะเป็นคนรับใช้ของพวกเรา และรับใช้พวกเรา”
- 1 ซามูเอล 17:10 - ชาวฟีลิสเตียคนนั้นพูดว่า “วันนี้เราขอท้าแนวรบของอิสราเอล ส่งชายคนใดคนหนึ่งให้ออกมาสู้กับเราตัวต่อตัว”
- 1 ซามูเอล 17:11 - ครั้นซาอูลและชาวอิสราเอลได้ยินชาวฟีลิสเตียพูดเช่นนั้น ก็ตกใจและหวาดกลัวมาก
- 1 ซามูเอล 17:12 - ดาวิดเป็นบุตรคนหนึ่งของเจสซีชาวเอฟราธาห์แห่งเบธเลเฮมในยูดาห์ เจสซีมีบุตร 8 คน และในช่วงเวลาของซาอูล เจสซีก็ชราและมีอายุมากแล้ว
- 1 ซามูเอล 17:13 - บุตร 3 คนแรกของเจสซีได้ติดตามซาอูลไปสู้รบบ้างแล้ว บุตรทั้งสามที่ได้ไปสู้รบชื่อ เอลีอับบุตรหัวปี อาบีนาดับคนถัดไป และชัมมาห์คนที่สาม
- 1 ซามูเอล 17:14 - ดาวิดเป็นคนสุดท้อง 3 คนแรกติดตามซาอูลไป
- 1 ซามูเอล 17:15 - แต่ดาวิดไปๆ มาๆ ระหว่างซาอูลและกลับไปเลี้ยงดูฝูงแกะของบิดาที่เบธเลเฮม
- 1 ซามูเอล 17:16 - ชาวฟีลิสเตียคนนั้นได้ออกมาท้าทายอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งเช้าทั้งเย็นเป็นเวลา 40 วัน
- 1 ซามูเอล 17:17 - เจสซีพูดกับดาวิดบุตรของตนว่า “เจ้าเอาข้าวคั่ว 1 เอฟาห์ กับขนมปัง 10 ก้อนไป เอาไปให้พี่ๆ ของเจ้าที่ค่ายโดยเร็ว
- 1 ซามูเอล 17:18 - เอาเนยแข็ง 10 ก้อนไปให้ผู้บังคับกองพันด้วย ไปดูซิว่าพวกพี่ชายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง และเอาอะไรจากพวกเขากลับมาพิสูจน์ให้เห็นด้วย”
- 1 ซามูเอล 17:19 - ขณะนั้นซาอูล พวกพี่ชายของดาวิด และชายอิสราเอลคนอื่นๆ กำลังสู้รบกับพวกชาวฟีลิสเตียในหุบเขาเอลาห์
- 1 ซามูเอล 17:20 - ดาวิดลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ ปล่อยให้คนเฝ้าแกะดูแลฝูงแกะ และหอบของที่เจสซีสั่งให้เอาไป เขาเดินทางถึงค่ายขณะที่กองทัพกำลังออกไปเผชิญหน้ากันด้วยเสียงโห่ร้องของสนามรบ
- 1 ซามูเอล 17:21 - ชาวอิสราเอลและชาวฟีลิสเตียยืนแถวในแนวรบ กองทัพปะทะกับกองทัพ
- 1 ซามูเอล 17:22 - ดาวิดจึงให้ของที่หอบมาไว้กับคนดูแลสัมภาระ และวิ่งไปยังกองรบที่ยืนแถวอยู่ และไปทักทายพวกพี่ๆ
- 1 ซามูเอล 17:23 - ขณะที่เขากำลังพูดกับพวกพี่ๆ ดูเถิด ผู้ต่อสู้ตัวเอกชื่อโกลิอัทชาวฟีลิสเตียแห่งเมืองกัท ก็ก้าวออกมาจากแนวรบของพวกฟีลิสเตีย และพูดเหมือนกับที่เคยพูดมาแล้ว และดาวิดได้ยินเขาพูด
- 1 ซามูเอล 17:24 - เมื่อชายชาวอิสราเอลทุกคนเห็นโกลิอัท พวกเขาก็ถอยหนีไปด้วยความกลัวยิ่งนัก
- 1 ซามูเอล 17:25 - ชายชาวอิสราเอลจึงพูดขึ้นว่า “เจ้าเคยเห็นคนที่ขึ้นมาแล้วหรือยัง เขาขึ้นมาเพื่อท้าทายอิสราเอลอย่างแน่นอน กษัตริย์ของเราจะมอบรางวัลอย่างมั่งคั่งให้แก่คนที่ฆ่าเขาได้ และจะมอบบุตรสาวของท่านให้ด้วย อีกทั้งครอบครัวของเขาจะมีอิสระทุกอย่างในประเทศอิสราเอล”
- 1 ซามูเอล 17:26 - ดาวิดพูดกับบรรดาชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ว่า “จะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ฆ่าชาวฟีลิสเตียคนนี้ และช่วยอิสราเอลให้พ้นจากคำดูหมิ่นได้ ชาวฟีลิสเตียที่ไม่ได้เข้าสุหนัตผู้นี้เป็นใคร เขาจึงท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ดำรงชีวิต”
- 1 ซามูเอล 17:27 - และประชาชนก็ตอบเหมือนกันว่า “คนที่ฆ่าเขาตายจะได้รับสิ่งดังกล่าวนั้นแหละ”
- 1 ซามูเอล 17:28 - ฝ่ายเอลีอับพี่ชายคนหัวปีของเขาได้ยินดาวิดพูดกับพวกผู้ชาย เอลีอับจึงโกรธดาวิดมาก และถามว่า “เจ้าลงมาทำไม และเจ้าปล่อยแกะไม่กี่ตัวไว้กับใครในถิ่นทุรกันดาร ข้ารู้ความหยิ่งผยองของเจ้า และเจ้าคิดในสิ่งชั่วร้าย เป็นเพราะเจ้าอยากลงมาดูการสู้รบนั่นเอง”
- 1 ซามูเอล 17:29 - ดาวิดจึงตอบว่า “เราไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่พูดไม่กี่คำเท่านั้น”
- 1 ซามูเอล 17:30 - แล้วเขาก็หันไปทางคนอื่น และพูดเหมือนเดิมอีก และประชาชนก็ตอบเขาเหมือนเดิมอีกเช่นกัน
- 1 ซามูเอล 17:31 - เมื่อคนได้ยินสิ่งที่ดาวิดพูด เขาก็ไปพูดให้ซาอูลฟัง ท่านจึงให้คนไปตามตัวมา
- 1 ซามูเอล 17:32 - ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “อย่าให้ใครใจเสียเพราะชายคนนั้น ผู้รับใช้ของท่านจะไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้นเอง”
- 1 ซามูเอล 17:33 - ซาอูลพูดกับดาวิดว่า “เจ้าไม่สามารถไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้นได้หรอก เพราะเจ้ายังมีอายุน้อยอยู่ แต่เขาเป็นนักรบมาตั้งแต่เยาว์วัยแล้ว”
- 1 ซามูเอล 17:34 - แต่ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “ผู้รับใช้ของท่านเคยเฝ้าดูฝูงแกะให้พ่อ และเมื่อใดที่มีสิงโตหรือหมีมาตะครุบลูกแกะไปจากฝูง
- 1 ซามูเอล 17:35 - ข้าพเจ้าก็ไล่ตามไปสู้ และช่วยลูกแกะรอดจากปากสิงโต แต่ถ้ามันกระโจนใส่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็คว้าขนที่คอ และทุบตีมันจนตาย
- 1 ซามูเอล 17:36 - ผู้รับใช้ของท่านได้ต่อสู้ชนะสิงโตและหมีมาแล้ว และชาวฟีลิสเตียที่ไม่ได้เข้าสุหนัตผู้นี้ก็จะเป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้น เพราะเขาท้ากองทัพของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่”
- 1 ซามูเอล 17:37 - และดาวิดพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าผู้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากอุ้งเท้าสิงโตและหมี ก็จะช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากเงื้อมมือของชาวฟีลิสเตียผู้นี้” ซาอูลจึงพูดกับดาวิดว่า “ไปเถิด และขอให้พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเจ้า”
- 1 ซามูเอล 17:38 - ครั้นแล้วซาอูลก็ให้ดาวิดสวมชุดออกศึกของท่าน ท่านสวมหมวกทองสัมฤทธิ์บนศีรษะ และให้สวมเสื้อเกราะป้องกันตัวให้เขา
- 1 ซามูเอล 17:39 - ดาวิดสะพายดาบของท่านทับชุดออกศึก แล้วพยายามเดินไป แต่เดินไม่ได้ เพราะไม่เคยสวมมาก่อน ดาวิดจึงพูดกับซาอูลว่า “ข้าพเจ้าสวมชุดแบบนี้ไปต่อสู้ไม่ได้หรอก เพราะไม่เคยใช้” ดาวิดจึงปลดออก
- 1 ซามูเอล 17:40 - แล้วเขาก็ถือไม้เท้าของเขา และเลือกก้อนหิน 5 ก้อนจากธารน้ำ เก็บใส่ถุงที่คนเลี้ยงแกะใช้กัน มือถือสลิง แล้วเขาก็เดินไปหาชาวฟีลิสเตียผู้นั้น
- 1 ซามูเอล 17:41 - ชาวฟีลิสเตียเดินหน้าเข้าหาดาวิด พร้อมกับมีคนถือโล่เดินนำหน้าเขา
- 1 ซามูเอล 17:42 - เมื่อชาวฟีลิสเตียมองเห็นดาวิดก็ดูถูกเขา เพราะเป็นเพียงเด็ก ผิวออกแดงๆ และรูปงาม
- 1 ซามูเอล 17:43 - ชาวฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า “ข้าเป็นหมาหรือไง เจ้าจึงถือไม้มาด้วย” และชาวฟีลิสเตียผู้นั้นก็แช่งด่าดาวิดในนามเทพเจ้าของเขา
- 1 ซามูเอล 17:44 - ชาวฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า “มาหาข้าสิ ข้าจะได้เอาเนื้อเจ้าให้นกในอากาศกับสัตว์ป่าในทุ่งกิน”
- 1 ซามูเอล 17:45 - แล้วดาวิดพูดกับชาวฟีลิสเตียว่า “ท่านมีดาบ แหลน และหอกซัดมาหาเรา แต่เรามาหาท่านด้วยพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของกองทัพของอิสราเอลที่ท่านท้าทาย
- 1 ซามูเอล 17:46 - วันนี้พระผู้เป็นเจ้าจะมอบท่านไว้ในมือของเรา และเราจะปราบท่าน และตัดหัวท่าน และเราจะเอาศพทหารของชาวฟีลิสเตียให้นกในอากาศกับสัตว์ป่าในโลกกิน เพื่อทั่วทั้งโลกจะได้รู้ว่ามีพระเจ้าในอิสราเอล
- 1 ซามูเอล 17:47 - และทุกคนที่อยู่ที่นี่จะได้รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ช่วยให้รอดด้วยดาบและแหลน เพราะการสู้รบเป็นของพระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะมอบท่านไว้ในมือของพวกเรา”
- 1 ซามูเอล 17:48 - เมื่อชาวฟีลิสเตียผู้นั้นก้าวเข้าไปหาดาวิดใกล้ยิ่งขึ้น ดาวิดจึงรีบวิ่งสู่สนามรบเพื่อปะทะกับชาวฟีลิสเตียผู้นั้น
- 1 ซามูเอล 17:49 - ดาวิดหยิบก้อนหินที่อยู่ในถุงออกมาก้อนหนึ่ง และเหวี่ยงถูกหน้าผากของชาวฟีลิสเตีย หินก้อนนั้นฝังเข้าไปในหน้าผาก และเขาก็ทรุดตัวลงบนพื้นดิน
- 1 ซามูเอล 17:50 - ดังนั้นดาวิดชนะชาวฟีลิสเตียด้วยสลิงและก้อนหินก้อนเดียว ปราบชาวฟีลิสเตียและฆ่าเขาได้ ดาวิดไม่มีแม้แต่ดาบติดตัว
- 1 ซามูเอล 17:51 - ดาวิดวิ่งไปและก้มดูชาวฟีลิสเตียคนนั้น ควักดาบออกจากฝัก ฆ่าเขาให้ตายและตัดหัวด้วย เมื่อชาวฟีลิสเตียทั้งปวงเห็นว่าผู้ต่อสู้ตัวเอกของพวกเขาตายเสียแล้ว จึงพากันหนีเตลิดไป
- 1 ซามูเอล 17:52 - ฝ่ายชาวอิสราเอลและยูดาห์ก็วิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงโห่ร้องไล่ตามชาวฟีลิสเตียไปจนถึงเมืองกัทและประตูเมืองเอโครน ชาวฟีลิสเตียที่บาดเจ็บจึงล้มลงตามทางตั้งแต่ชาอาราอิม ไปจนถึงเมืองกัทและเอโครน
- 1 ซามูเอล 17:53 - ชาวอิสราเอลไล่ล่าชาวฟีลิสเตียไปแล้วก็กลับมา เพื่อริบข้าวของไปจากค่าย
- 1 ซามูเอล 17:54 - ฝ่ายดาวิดก็เอาหัวของชาวฟีลิสเตียคนนั้นไปที่เมืองเยรูซาเล็ม และเก็บเสื้อเกราะของโกลิอัทไว้ในกระโจมของตน
- 1 ซามูเอล 17:55 - ทันทีที่ซาอูลเห็นดาวิดออกไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้น ท่านถามอับเนอร์ผู้บังคับกองพันทหารว่า “อับเนอร์ เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นบุตรของใคร” อับเนอร์ตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพเจ้าพูดตามตรงว่า ข้าพเจ้าไม่ทราบ”
- 1 ซามูเอล 17:56 - และกษัตริย์กล่าวว่า “ไปไถ่ถามดูสิว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นบุตรของใคร”
- 1 ซามูเอล 17:57 - ขณะที่ดาวิดกลับมาจากการฆ่าฟันชาวฟีลิสเตีย อับเนอร์ก็พาไปหาซาอูลพร้อมกับหัวของชาวฟีลิสเตียยังอยู่ในมือ
- 1 ซามูเอล 17:58 - ซาอูลจึงกล่าวกับเขาว่า “เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าเป็นบุตรของใคร” ดาวิดตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นบุตรของเจสซีชาวเบธเลเฮมผู้รับใช้ของท่าน”
- มัทธิว 10:16 - เราส่งพวกเจ้าออกไปเช่นบรรดาแกะท่ามกลางเหล่าสุนัขป่า ฉะนั้นจงเฉลียวฉลาดเหมือนงูและไม่มีภัยเหมือนนกพิราบ
- กิจการของอัครทูต 20:29 - ข้าพเจ้าทราบว่าหลังจากที่ข้าพเจ้าจากไปแล้ว พวกสุนัขป่าร้ายกาจจะเข้ามาในหมู่ท่านและจะไม่ละเว้นฝูงแกะไว้
- กิจการของอัครทูต 8:3 - แต่ว่าเซาโลกลับเข้าไปฉุดกระชากทั้งชายและหญิงออกจากบ้านเอาไปจำคุกเพื่อทำลายคริสตจักร
- 1 ซามูเอล 14:1 - วันหนึ่งโยนาธานบุตรของซาอูลพูดกับชายหนุ่มที่ถืออาวุธของท่านว่า “มาเถิด เราไปที่ด่านทหารชั้นนอกอีกฟากของชาวฟีลิสเตียกันเถิด” แต่ท่านไม่ได้บอกบิดาของท่านให้ทราบ
- 1 ซามูเอล 14:2 - ขณะนั้นซาอูลอยู่ที่ชายเมืองกิเบอาห์ ในถ้ำทับทิมที่มิโกรน มีทหารอยู่ด้วยประมาณ 600 คน
- 1 ซามูเอล 14:3 - คนที่อยู่ด้วยคืออาหิยาห์บุตรของอาหิทูบผู้เป็นพี่ชายของอีคาโบด อาหิทูบเป็นบุตรของฟีเนหัสบุตรของเอลีปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้าที่เมืองชิโลห์ อาหิยาห์สวมชุดคลุมด้วย และไม่มีใครทราบว่าโยนาธานไปแล้ว
- 1 ซามูเอล 14:4 - ทั้งสองฟากของทางข้ามที่เนินเขา ที่โยนาธานตั้งใจจะข้ามไปยังด่านทหารชั้นนอกของฟีลิสเตียเป็นหน้าผา ผาหนึ่งมีชื่อว่า โบเซส อีกผาหนึ่งชื่อ เสเนห์
- 1 ซามูเอล 14:5 - ผาหนึ่งหันไปด้านเหนือทางไปมิคมาช และอีกผาหันไปด้านใต้ทางไปเก-บา
- 1 ซามูเอล 14:6 - โยนาธานพูดกับชายหนุ่มที่ถืออาวุธของท่านว่า “มาเถิด เราไปที่ด่านทหารชั้นนอกของคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตพวกนั้นกันเถิด พระผู้เป็นเจ้าอาจจะกระทำบางสิ่งเพื่อเราก็ได้ ไม่มีสิ่งใดที่จะขวางกั้นพระผู้เป็นเจ้าไม่ให้ช่วยเรา ไม่ว่าจะเป็นคนจำนวนมากหรือน้อยก็ตาม”
- 1 ซามูเอล 14:7 - คนถืออาวุธของท่านพูดว่า “ท่านประสงค์สิ่งใด ท่านก็ดำเนินการไป ข้าพเจ้าขออยู่ติดตามท่านจนชีวิตจะหาไม่”
- 1 ซามูเอล 14:8 - โยนาธานพูดว่า “ถ้าฉะนั้นก็ตามมา เราจะข้ามไปทางที่พวกทหารอยู่ ให้เขาเห็นพวกเรา
- 1 ซามูเอล 14:9 - ถ้าพวกเขาพูดกับเราว่า ‘รออยู่ที่นั่นจนกว่าพวกเราจะมาหาเจ้า’ เราก็จะอยู่กับที่ และไม่ขึ้นไปถึงตัวพวกเขา
- 1 ซามูเอล 14:10 - แต่ถ้าพวกเขาพูดว่า ‘ขึ้นมาหาเราได้’ เราก็จะปีนขึ้นไป เพราะเป็นสัญลักษณ์ให้เรารู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าได้มอบพวกเขาไว้ในมือของพวกเราแล้ว”
- 1 ซามูเอล 14:11 - ดังนั้นทั้งสองคนจึงไปแสดงตนให้ชาวฟีลิสเตียเห็นที่ด่านทหารชั้นนอก พวกฟีลิสเตียพูดว่า “ดูสิ ชาวฮีบรูกำลังคลานออกมาจากรูที่ซ่อนตัว”
- 1 ซามูเอล 14:12 - พวกทหารที่ด่านชั้นนอกตะโกนบอกโยนาธานและคนถืออาวุธว่า “ขึ้นมายังที่ของเราสิ แล้วเราจะสอนบทเรียนให้กับเจ้า” โยนาธานจึงพูดกับคนถืออาวุธว่า “ปีนตามเราขึ้นมา พระผู้เป็นเจ้าได้มอบพวกเขาไว้ในมือของอิสราเอลแล้ว”
- 1 ซามูเอล 14:13 - โยนาธานใช้เท้าและมือปีนขึ้นไป คนถืออาวุธก็ตามหลังท่านอย่างใกล้ชิด พวกฟีลิสเตียถูกฆ่าและล้มตายอยู่เบื้องหน้าโยนาธาน และคนถืออาวุธของท่านตามอยู่ข้างหลังก็ได้ฆ่าทหารไปด้วย
- 1 ซามูเอล 14:14 - การโจมตีครั้งแรกนั้น โยนาธานและคนถืออาวุธของท่านฆ่าทหารได้ประมาณ 20 คนที่อยู่ในเขตเนื้อที่ประมาณหนึ่งไร่เศษ
- 1 ซามูเอล 14:15 - เป็นเหตุให้ทหารทั้งกองที่อยู่ทั้งในค่ายและในทุ่งนากลัว ด่านทหารชั้นนอกและแม้แต่ทหารกองปล้นก็ยังกลัวจนตัวสั่น เกิดแผ่นดินไหว ทำให้สถานการณ์เป็นที่น่าตกใจยิ่งนัก
- กิจการของอัครทูต 9:1 - ในเวลานั้นเซาโลยังคงขู่ฆ่าพวกสาวกของพระผู้เป็นเจ้าต่อไป ทั้งยังไปหาหัวหน้ามหาปุโรหิต
- ปฐมกาล 35:18 - ขณะที่วิญญาณกำลังจากร่างนางไป เพราะนางกำลังจะสิ้นลม นางเรียกชื่อเขาว่า เบนโอนี แต่บิดาของเขาตั้งชื่อเขาว่า เบนยามิน
- เอเสเคียล 22:27 - บรรดาผู้นำที่อยู่ในเมืองเป็นเหมือนสุนัขป่าที่ฉีกเหยื่อ ทำให้นองเลือด ทำลายชีวิตคนเพื่อรับสินบน
- ผู้วินิจฉัย 20:21 - ชาวเบนยามินออกมาจากกิเบอาห์ ฆ่าฟันชายชาวอิสราเอลจนล้มตายไป 22,000 คนในวันนั้น
- ผู้วินิจฉัย 20:25 - ชาวเบนยามินก็ออกไปจากกิเบอาห์ต่อสู้กับชาวอิสราเอลในวันที่สอง ฆ่าฟันชายอิสราเอล 18,000 คนซึ่งเป็นพลดาบทั้งสิ้น